กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--สนพ.
โดย
โครงการประชาสัมพันธ์การป้องกันและปราบปรามน้ำมันเถื่อน
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
ตอนที่ 6
น้ำมันเครื่องเถื่อน
คนขายกำไร คนใช้อันตรายถึงชีวิต…
"พี่ครับ … เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มั๊ยครับ.........ใช้ยี่ห้อ "…………" นี่เลย เนี่ย คุณภาพ เดียวกับ ยี่ห้อ ดังในตลาดเลยน่ะ...........เซลล์เขาไปเอามาจากโรงงาน … แต่ไม่ติด ตราเท่านั้นเอง เอาไปเลยพี่ ผมคิดพี่ ราคาพิเศษ ถูกมากๆเลย…"
ผู้ที่ใช้รถ .............อาจจะเคยได้ยินคำเชิญชวนดังกล่าว ...หรือ บางคนอาจจะเคยเห็นยี่ห้อ ที่เป็น ยี่ห้อดังๆทั้งหลายแหล่ เช่น เชลล์ คาลเท็กซ์ ปตท. เอสโซ่ คาสตรอล แต่มีการเสนอให้ในราคาที่ ต่ำกว่า หรือใกล้เคียงกัน ก็ตัดสินใจเติมเพราะมั่นใจในยี่ห้อ หรือ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงมานาน แต่พอเติมน้ำมัน เครื่องไปได้ไม่นาน เครื่องยนต์สึกหรอหรือเสียหายก่อนเวลาอันควร ต้องเข้าอู่ซ่อมไปตาม ระเบียบ … เจ้าของรถก็มานั่งบ่น ผมโดนหลอกเสียแล้ว เพราะไม่ทันดูให้ถ้วนถี่ ต้องเสียทั้งเงินค่าน้ำมัน เครื่องปลอมและเสียทั้งเงินค่าซ่อมรถ
ขณะเดียวกันผู้ค้าน้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันหล่อลื่นยี่ห้อดังๆต่างก็กลุ้มใจ…ถูกลูกค้าต่อว่า ต่อขาน เพราะความเข้าใจผิด …....... ยอดขาย ก็ไม่ได้เพิ่ม .......แถมยังกระทบชื่อเสียงเสียอีก.. ดังนั้น ทางผู้ค้าเองก็เริ่มมีการจัดทีมตรวจสอบ ประสานงานกับหน่วยงานรัฐ สอบค้นว่าต้นตอปัญหา คือ อะไร
ขบวนการปลอมปนเชี่ยวชาญสูงแม้เจ้าของยี่ห้อยังดูไม่ออกเลย!!!
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ค้าน้ำมัน ระบุว่า การปลอมปนน้ำมันเถื่อนนั้น เป็นกิจกรรม ที่ทำมานานนับสิบปี และทำเป็นขบวนการ .... ตัดตอนกันทำหน้าที่ …. ทำเป็นระดับโรงงาน ทั้งอยู่ใน เขต เมืองและต่างจังหวัด ถ้าจำกันได้เมื่อเร็วๆนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบุกเข้าจับกุมตรวจค้นโรงงาน ที่ย่านรามคำแหง พบว่ามีการปลอมปนเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงนับแสนกระป๋องเพื่อเตรียมจำหน่าย
ขบวนการนี้.. บางกลุ่มทำหน้าที่นำน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานมาเตรียมขาย บางกลุ่มออก เร่ซื้อน้ำมันเครื่องใช้แล้ว มาขายโรงงานที่มีบ่อกรองน้ำมันเครื่องเพื่อกรองให้ใส อีกพวกหนึ่งจะ ทำหน้าที่ แต่งสี แต่งกลิ่น ให้เหมือนกับน้ำมันเครื่องยี่ห้อดังๆ ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญมาก เพราะ แม้กระทั่งเจ้าของยี่ห้อที่แท้จริง หากดูด้วยตาเปล่าแทบแยกไม่ออกเลยว่า อะไร คือ ของปลอม อะไร คือ ของแท้
ต่อจากนั้นก็จะมีกลุ่มบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นทั้งยี่ห้อใหม่ ยี่ห้อดังๆ แล้วใส่กล่องแพคกิ้ง ไปยังต่าง จังหวัด ระบุว่าเป็นน้ำมันเครื่องยนต์ น้ำมันเอนกประสงค์ น้ำมันสำหรับรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ นอกจากนี้ยังมีการแพร่ระบาดไปยังกลุ่มเกษตรกรที่ใช้เครื่องจักรกล เพื่อการ เกษตรอีกด้วย ซึ่งนำมาขายในราคาถูก บรรดานักบิดหรือผู้ขับขี่จักรยานยนต์ก็ชอบใจ ใช้กัน เพราะราคาถูก… แต่ หาทราบไม่ว่า..น้ำมันเหล่านี้ ไม่เหลือส่วนหล่อลื่นให้ใช้อีกแล้ว…
ตามมาดูว่า น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำ..........พิษภัยมีมากแค่ไหน
น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน คือ ผลิตภัณฑ์ที่โรงกลั่นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานผลิตออกมา ราคา ประมาณ 10-15 บาทต่อลิตร แล้วผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป ..ก็สั่งซื้อมาเติมสารเคมีเพิ่ม
คุณภาพ (หัวเชื้อ) เพื่อปรับปรุงคุณภาพให้มีคุณสมบัติหล่อลื่น โดยทั่วไปจะใช้น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ประมาณ 93 % และสารเคมีเพิ่มคุณภาพอีก 7% เมื่อผ่านกระบวนการดังกล่าวบวกกับผลกำไรแล้ว
น้ำมันเครื่องแต่ละลิตรจะขายในอัตราไม่ต่ำกว่า ลิตรละ 40-45 บาท ในขณะที่บางยี่ห้อมี ราคาลิตรละ หลายร้อยบาทเลยทีเดียว .. กำไรสูงดังกล่าว จึงเกิดขบวนการเอาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานล้วนๆ มาแต่งสี ..แต่งกลิ่นต่างๆ ให้เหมือนน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป แล้วบรรจุใส่ขวด ใส่แกลลอน แล้ววางขายทั่วไป
ผลเสียของเจ้าตัวร้ายนี่ คือ จะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีสารรักษาคุณภาพน้ำมันและเครื่องยนต์ เช่น ไม่มีสารป้องกันการรวมตัวกับออกซิเจนทำให้คุณภาพน้ำมันเสื่อม เร็ว ไม่มีสารช่วย ชะล้างทำความสะอาดของเครื่องยนต์ หากนำมาใช้จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอ และมีอายุการใช้งานสั้นลง
ส่วนอีกขบวนการหนึ่ง เป็นขบวนการนำน้ำมันเครื่องใช้แล้ว มาปลอมปนขายใหม่ นี่ก็เป็น การสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ ขบวนการนี้จะไปรับซื้อน้ำมันเครื่องใช้แล้ว จากสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อู่ซ่อมรถยนต์-รถจักรยานยนต์ เพื่อนำมาปรับแต่งกลิ่นสี ขายใหม่ อาศัยช่องว่าง ที่รัฐยังไม่สามารถควบคุมน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้อย่างทั่วถึง โดยรับซื้อลิตรละ 2-3 บาท มาฟอก-กรอง ปรับแต่ง แล้วนำมาขายในราคาที่สูง
ทั้งนี้ น้ำมันเครื่องที่ประเทศไทยใช้ในแต่ละปีมีถึง 400-450 ล้านลิตร ในส่วนนี้ 30 %จะถูก เผาไหม้หรือตกค้างในเครื่องยนต์ อีก 70 % จะเหลือทิ้งเป็นน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว ทำให้แต่ละปี ประเทศ ไทยมีน้ำมันเครื่องใช้แล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านลิตร หากคิดกันเล่นๆ ว่าถ้ามีการปลอมปนน้ำมันเครื่อง ใช้ แล้วในสัดส่วนเพียงครึ่งหนึ่ง คือ เพียง 150 ล้านลิตร และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ลิตรละ 20 บาท ธุรกิจ นี้จะมีวงเงินสูงเกือบ 3,000 ล้านบาท เลย ทีเดียว…
ปัญหาดังกล่าว ทางภาครัฐได้ให้ความสนใจและติดตามแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด รัฐได้ใช้เงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมพลังงานจำนวน 300 ล้านบาท เข้ามาดำเนินโครงการจัดเก็บน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วอย่างถูกต้องเป็นระบบ และตามหลักวิชาการ โดยใช้กลไกตลาด และการ อุดหนุนจากกองทุนฯ ซึ่งจะมีการรับซื้อน้ำมันเครื่องใช้แล้ว ในอัตราที่สามารถแข่งขันได้กับขบวนการ ปลอมปนน้ำมันเครื่องไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตา หรือถ่านหิน ในโรงงานต่างๆ
เมื่อน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วเข้าสู่ระบบทำให้สามารถจัดระบบข้อมูลของแหล่งที่มาแล ดูแลควบคุมได้ทั้งหมด หลังจากนั้น จัดระบบตลาดโดยใช้หลักผู้ก่อให้เกิดมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle) ด้วยการเพิ่มค่าการตลาดให้ผู้ขายน้ำมันหล่อลื่นต้นทาง ซึ่งผู้บริโภคจะเป็นผู้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้น จาก ราคาน้ำมันหล่อลื่นที่เพิ่มสูงขึ้น และผู้ขายน้ำมันหล่อลื่นจะต้องส่งผ่านค่าการตลาดไปให้ผู้จัดเก็บ น้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วที่ถูกวิธี โดยค่าการตลาดดังกล่าวจะไปทดแทนการชดเชยราคาของภาครัฐ ในช่วง แรกนั่นเอง สุดท้ายแล้วการจัดการน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วจะถูกจัดการโดยเชิงพาณิชย์
แบบนี้ ......เราคงต้องเอาใจช่วยภาครัฐ-เอกชนที่ประสานใจช่วยแก้ไขปัญหานี้ เพราะพิษภัย.. ที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากขบวนการนี้จะโกงภาษีแล้ว ยังต้มตุ๋นประชาชน สร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์ และยังทำลายกระบวนการค้าที่เป็นธรรมอีกด้วย หากพบเห็นการกระทำผิด จงร่วมกันป้องกันแจ้งเบาะแส …ก่อนที่ผลร้ายจะมาตกอยู่กับตัวคุณไม่วันใดก็วันหนึ่ง…
น้ำมันเครื่องมาตรฐานนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร..มีข้อแนะนำ จากผู้ค้าน้ำมันว่า ขอให้เป็นคนช่างสังเกตสักนิด..โดยก่อนจ่ายเงิน โปรดสังเกตว่า ตัวอักษรบนบรรจุภัณฑ์ สีสัน หรือฝาปิด มีซีลที่เรียบร้อยเหมือนของแท้หรือไม่ หากพบว่าผิดเพี้ยน ก็ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นน้ำมันเครื่องปลอมปนไว้ก่อน ..และในส่วนของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ หากเป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ก็ให้สังเกตว่า จะต้องมี ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ผลิตและเครื่องหมาย มอก.ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ส่วนเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ก็ให้สังเกต ชื่อ ที่อยู่ของผู้ผลิตและเครื่อง ทค.ของกรมธุรกิจพลังงาน (กรมทะเบียนการค้า)
พบเบาะแสน้ำมันเถื่อน ติดต่อ ตู้ปณ.345 ปณจ.พระโขนง กรุงเทพฯ 10110
โทร.0-2662-3288 www.nepo.go.th-- จบ--
-ศน-