(ต่อ2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ภาคล่าสุด

ข่าวทั่วไป Wednesday November 6, 2002 14:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส
นักแสดง
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์) หนุ่มน้อยวัย 12 กลับมาอีกครั้งในบทบาทเดิม ที่เขาเคยได้รับในตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์
เขาเติมเต็มให้กับความหวังของคนนับพัน ด้วยการสวมบทซึ่งดูราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็น ดังที่ผู้กำกับการแสดงคริส โคลัมบัสกล่าวไว้ว่า: "ตอนที่แดนเดินเข้ามาในห้อง เราทุกคนรู้ทันทีว่าได้พบตัวแฮร์รี่แล้ว"การรับบทเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้แดเนียล ได้รับความชื่นชมจากทั่วโลก และรางวัล Variety Club of Great Britain's Best Newcomer Award เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2002 ในเดือนเมษายน 2002 เขายังได้รับรางวัลเกียรติยศจาก David Di Donatello Award แห่งอิตาลี โดย Ente David Di Donatello - จากการถ่ายทอดบทบาทของแฮร์รี่ได้อย่างยอดเยี่ยม และการทุ่มเทให้กับอนาคตของวงการภาพยนตร์
แดเนียลปรากฎตัวเป็นครั้งแรกบนจอภาพยนตร์เมื่อเดือนธันวาคมปี 1999 เมื่อเขาได้รับบท เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์วัยเด็ก ให้กับภาพยนตร์โทรทัศน์ของ BBC เรื่อง David Copperfield ดราม่าเรื่องนี้กำกับการแสดงโดยไซมอน เคอร์ติส และร่วมแสดงโดยคุณหญิงแมกกี้ สมิธ ผู้ซึ่งแสดงเคียงคู่กับเขาในบทศาสตราจารย์ มักกอนนากัล ในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์
ก่อนการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนที่หนึ่งนั้น ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาซึ่งแสดงเป็นลูกของเจมี่ ลี เคอร์ติส และเจฟฟรี่ย์ รัช ในหนังของจอห์น บัวร์แมน เรื่อง The Tailor of Panama
รูเพิร์ต กรินท์ (รอน วีสลีย์) อีกครั้งกับบทน้องชายคนสุดท้องของครอบครัววีสลีย์ และเพื่อนรักของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ จะเป็นการเปิดตัวของรูเพิร์ตต่อสายตาโลกในงานแสดงอาชีพ พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขาก็ทำให้ได้รับทั้งเสียงชื่นชมจากทั่วโลก และยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Best Newcomer ของ British Critic's Circle ในระหว่างการถ่ายทำเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนแรก เขาได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นดารา ร่วมกับ ไซมอน คอลโล และสตีเฟน ฟราย ในบทบาทศาสตราจารย์น้อยสติเฟื่อง ในหนังของปีเตอร์ ฮิววิตต์ เรื่อง Thunderpants
ขณะนี้รูเพิร์ตอายุ 13 ปี เขาเป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้องห้าคน ก่อนที่จะได้รับคัดเลือกเป็นรอน วีสลีย์ เขาเคยแสดงในคณะแสดงของโรงเรียน กับกลุ่มละครท้องถิ่น ผลงานรวมถึงบทหัวหน้าแก็งค์สเตอร์ใน Annie และในเรื่อง Peter Pan และบท Rumplestiltskin ในเรื่อง Grimm Tales
เอ็มม่า ว็อตสัน (เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์) อายุ 12 ในปีนี้ เพิ่งมีผลงานแสดงเรื่องแรกจากภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาภรรพ์ แม้ว่าความสามารถโดยธรรมชาติของเธอ จะได้รับการพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่ยังเยาว์วัยในงานแสดงต่างๆ ของโรงเรียนก็ตาม
เอ็มม่าอยู่ในฝรั่งเศสจนอายุได้ 5 ขวบและหลังจากนั้นได้ย้ายมายังอังกฤษ เมื่อเธออายุ 7 ขวบ เธอได้เข้าแข่งขันท่องกลอนเดี่ยวที่โรงเรียนในการแข่งขัน Daisy Pratt Poetry เธอได้ร่วมแสดงเป็น Morgan La Fay ในละครโรงเรียนเรื่อง Arthur: The Young Years และได้รับบทนำในเรื่อง The Happy Prince
เอ็มม่าเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ตัวยง และล่าสุดเพิ่งได้รับเลือกเป็นนักกีฬาโรงเรียน เธอยังเล่นราวน์เดอร์และเน็ตบอลอีกด้วย เธอชอบร่วมกิจกรรมทุกอย่างของโรงเรียนรวมทั้งกรีฑาและเรือกรรเชียง
หนุ่มน้อยอายุ 14 ทอม เฟลตัน (เดรโก มัลฟอย) กลับมาเป็นคู่ปรับของพอตเตอร์ และสมาชิกบ้านสลิธีริน
ทอมทำงานแสดงเป็นอาชีพมากว่าหกปีแล้ว และปรากฎผลงานทางจอเงินเป็นครั้งแรกในปี 1996 เมื่อได้รับบท Peagreen ในหนังของปีเตอร์ ฮิววิต เรื่อง The Borrowers ล่าสุดเขาได้รับบท ลูอิส ลูกชายของของโจดี้ ฟอสเตอร์ ในเรื่อง Anna & the King
เขายังได้ร่วมในซีรี่ส์โทรทัศน์ชั้นนำของอังกฤษสองเรื่อง : Bugs ซึ่งเขารับบทเจมส์ และ Second Sight แสดงคู่กับ คลิฟ โอเวน เป็นโธมัส อิงค์แฮม และยังได้ร่วมแสดงในละครวิทยุทางช่อง BBC Radio 4 โดยรับบท Ioeth ในเรื่อง The Wizard of Earthsea และเป็นเฮอร์คิวลิสใน Here's to Everyone
ทอมได้รับความสนใจเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1995 ตอนได้แสดงภาพยนตร์โฆษณาชั้นนำทางโทรทัศน์หลายครั้ง นอกจากความสามารถทางการแสดงตั้งแต่ยังเด็ก ทอมยังเป็นนักร้องเสียงดี และเขาเป็นหนึ่งในสี่นักร้องประสานเสียงของโรงเรียนและที่โบสถ์ และยังเคยได้รับการเสนอให้เข้าร่วมกับ Guildford Cathedral Choir
เขาเป็นนักกีฬาที่ชอบการเล่นฟุตบอล บาสเก็ตบอล คริกเก็ต ว่ายน้ำ และเทนนิส
บอนนี่ ไรท์ (จินนี่ วีสลีย์) อายุ 11 ปี รับบทน้องสาวของรอน ซึ่งเพิ่งเข้าเป็นนักเรียนปีหนึ่งของ โรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทย์มนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์
บอนนี้ยังเคยได้ร่วมแสดงใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ เมื่อจินนี่และครอบครัววีสลีย์ มาส่งรอนที่ชานชลา 9 ? อย่างไรก็ดี บทบาทของเธอในตอนที่สองนั้นนับเป็นศูนย์กลางของเรื่อง เมื่อตัวละครที่เธอรับบทต้องต่อสู้กับความชื่นชอบแฮร์รี่ เมื่อถูกครอบงำโดยสมุดบันทึกลึกลับ
บอนนี่ยังมีงานแสดงในภาพยนตร์โทรทัศน์ของ Hallmark Television เรื่อง Stranded ซึ่งออกอากาศในสหรัฐอเมริกาปีนี้ และจะออกฉายในสหราชอาณาจักรในปี 2003
นอกจากการเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์แล้ว บอนนี่ยังเล่นเปียโน เครื่องเสียง และแซกโซโฟน เธอเป็นนักกีฬาที่เปี่ยมความสามารถหลายด้าน รวมถึง ว่ายน้ำ, เทนนิส, ขี่ม้า, สเกตน้ำแข็ง จักรยานและเซิร์ฟ
แฮร์รี่ เมลลิ่ง (ดัดลีย์ เดอร์สลีย์) อายุ 13 ปี ร่วมทีมผู้แสดงอีกครั้งในบทบาทลูกพี่ลูกน้องที่ถูกตามใจจนเสียเด็กของแฮร์รี่ การได้ทำงานใภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นงานแสดงอาชีพเรื่องแรกของเขา แม้ว่าเขาจะมีใจรักและพรสวรรค์ทางการแสดงอย่างเห็นได้ชัดมาตั้งแต่อายุได้เพียง 4 ขวบ เมื่อเขาเริ่มแสดงให้กับครอบครัวของเขา พออายุได้ 5 ขวบ เขาก็ได้สมัครเข้าเรียนการเต้นช่วงเช้าวันเสาร์, เรียนร้องเพลง และการแสดงที่ The Sue Nieto Theatre School เมื่อเขาอายุ 9 ขวบก็กลายเป็นสมาชิกของ Millfield Theatre Youth Drama Group และได้ร่วมแสดงในละครเพลงของโรเบิร์ต ไฮแมน เรื่อง House และ Y3K
ไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเลยที่การแสดงเป็นสิ่งที่เขารักที่สุด; เห็นได้ชัดว่าสืบทอดมาทางสายเลือด คุณตาของเขาคือ แพทริค ทรูตัน ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อในบทบาท Dr. Who, ส่วนลุงของเขาคือ เดวิด ทรูตัน ผู้แสดงนำแห่ง RSC และแซม ลูกพี่ลูกน้องของเขา เป็นนักแสดงของ National Theatre และลุงของเขาอีกคน ไมเคิล ทรูตัน มีชื่อเสียงจากการแสดง ปิแอร์ เฟลทเชอร์ เดอวิช ในเรื่อง The New Statesman มารดาของเขาเป็นผู้วาดภาพประกอบหนังสือเด็ก และบิดา (นักวาดภาพประกอบเช่นกัน) ทำงานให้กับภาพยนตร์การ์ตูน
นอกเหนือจากความรักที่มีให้กับภาพยนตร์และเวทีละคร แฮร์รี่ยังชอบตีกลองและทำหนังของเขาเอง
เดวิด แบรดลีย์ (อาร์กัส ฟิลช์) อีกครั้งกับบทภารโรงอารมณ์ร้ายของฮอกวอตส์ ผู้ซึ่งคอยดูแลระเบียงทางเดินของโรงเรียนพร้อมกับแมวคู่ใจ-คุณนายนอร์ริส
เดวิด แบรดลีย์เป็นนักแสดงที่หาตัวจับได้ยาก เขาเป็นหนึ่งในเหล่าดาราที่โด่งดัง และเป็นที่นับถือของอังกฤษ และเป็นสมาชิกของทั้ง Royal Shakespeare Company และ Royal National Theatre มาเป็นเวลานานในปี 1990 แบรดลีย์ได้รับรางวัล Laurence Olivier Award - Best Actor in a Supporting Role จากบทบาทตัวตลกในเรื่อง King Lear ที่ National Theatre ในปี 1993 เขาได้รับรางวัล Clarence Derwent Award - Best Supporting Actor จากบท Polonius ใน Hamlet และบท Shallow ใน Henry IV PT II ที่เวที RSC (และได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Laurence Olivier Award - Best Actor in a Supporting Role จากบทบาทเดียวกันนี้)นอกจากนี้ เขายังได้มีผลงานมากมายบนเวทีของ RSC : The Tempest; Julius Caesar; The Alchemist; Dr. Faustus; Epicoene; Cymbeline; Three Sisters; Temptation; Twelfth Night; Merry Wives of Windsor; Il Candelaio; Tartuffe; Custom of the Country; The Winter's Tale; Moliere; The Roaring Girl; Arden of Faversham; Lear; Captain Swing; The Swan Down Gloves และ The Merchant of Venice. แบรดลีย์มีผลงานล่าสุดบนเวทีละคร เป็นพระเจ้าในเรื่อง The Mysteries ที่ Royal National Theatre และที่ผ่านมายังรวมถึง : The Homecoming; Mother Courage; Richard III; Measure for Measure; The Cherry Orchard; Twelfth Night; Tis Pity She's a Whore และ The Front Page งานแสดงที่ West End ได้แก่ : Britannicus; Phedre และ Funny Peculiar
นอกเหนือจากผลงานโดดเด่นบนเวทีของเขา แบรดลีย์ยังมีผลงานภาพยนตร์ อาทิเช่น บทพระ ในหนังของคริสเตียน เลฟริง ในเรื่อง Innocence และบท Mr. Bellamy ในหนังของบิลลี่ เอลทริงแฮม เรื่อง This is Not a Love Song; ในหนังของอูดาเยน ปราสาด เรื่อง Gabriel and Me; หนังของร็อดนีย์ บุทเชอร์ เรื่อง Pas de Trois; หนังของแพดดี้ เบร็ธเน็ค เรื่อง Blow Dry; หนังของคริสเตียน เลฟริง เรื่อง The King is Alive; หนังของวิลลาด แคโรล เรื่อง Tom's Midnight Garden; หนังของเจเริน แครบบ์ เรื่อง Left Luggage; หนังของร็อบ มาแชนท์ เรื่อง Kangaroo Palace และหนังของสคีเฟน เฟรียร์ เรื่อง Prick Up Your Ears
แบรดลีย์ยังเป็นที่คุ้นหน้าของผู้ชมทางโทรทัศน์ทั่วอังกฤษ ด้วยการแสดงหลากบทบาท และการปรากฎตัวในรายการต่างๆ อาทิเช่น : The Way We Live Now; Station Jim; The Mayor of Casterbridge; The Wilsons; Vanity Fair; Where the Heart is; Our Mutual Friend; Bramwell; Reckless; Cracker; Band of Gold; Our Friends in the North; Martin Chuzzlewit; Fair Game; Full Stretch; Buddha of Surburbia; Between the Lines; Shadow of the Noose; Fergus' Wedding; Blue Dove; Sweet Dreams และ Murphy's Law เคนเน็ธ บรานัค (กิลเดอรอย ล็อคฮาร์ต) ร่วมงานกับฮอกวอตส์ในตำแหน่ง อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ผู้หลงตัวเองอย่างมากมาย
เขาจบการศึกษาจาก Royal Academy of Dramatic Art และได้เริ่มงานแสดงครั้งแรกที่ West End ในเรื่อง Another Country ซึ่งเขาได้รับรางวัล Society of West End Theatre's Award - 'Most Promising Newcomer' และยังมีผลงานบนเวทีอีกมากมายรวมทั้งที่ RSC ในเรื่อง Henry V, Love Labour's Lost และ Hamlet ในปี 1985 เขาได้ร่วมก่อตั้ง Renaissance Theatre Company. Productions ซึ่งบรานัคทั้งเขียนหรือแสดงและกำกับในผลงาน ได้แก่ : Public Enemy, Twelfth Night, The Life of Napoleon, Much Ado About Nothing, As You Like It, Hamlet, Look Back in Anger, Uncle Vanya, King Lear, A Midsummer Night's Dream และ Coriolanus. การก้าวเข้าสู่มายาแห่งภาพยนตร์ของเขา ได้รับความสำเร็จอย่างไม่ช้าในปี 1989 จากผลงานเรื่อง Henry V ซึ่งได้รับรางวัลนานาชาติ รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง - Best Actor และ Best Director
ต่อมาบรานัคได้รับเชิญเข้าสู่ฮอลลีวู้ด เพื่อกำกับการแสดงและร่วมแสดงใน Dead Again ก่อนกลับมายังอังกฤษเพื่อกำกับการแสดงให้เรื่อง Peters Friends ซึ่งได้รับรางวัล Evening Standard Peters Sellers Award for Comedy ผลงานหนังเช็คสเปียร์เรื่องที่สองของเขา ที่ได้รับความสำเร็จ คือ Much Ado About Nothing และในปีเดียวกันหนังสั้นของเขา จากละครของเชคอฟเรื่อง Swan Song ก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง
ต่อมาเขาได้กำกับการแสดงให้กับโรเบิร์ต เดอ นีโร ใน Mary Shelley's Frankenstein และภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง In The Bleak Midwinter (A Midwinter's Tale) ซึ่งเปิดตัวในปี 1996 ที่ Sundance Film Festival และได้รับรางวัลทรงเกียรติอย่าง Osello d'Oro ที่ Venice Film Festival ผลงานเรื่องดังของเขาในความยาวปกติของเรื่อง Hamlet ในหนัง 70 มม. ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองถึง 4 ตัวด้วยกัน และในปี 2000 บรานัคได้กำกับการแสดง ภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทประพันธ์เช็คสเปียร์เป็นเรื่องที่สี่ - เวอร์ชั่นเพลงของปี 1930 เรื่อง Love Labour's Lost ผลงานแสดงในภาพยนตร์ของเขา ได้แก่: หนังของแพท โอ คอนเนอร์ A Month in the Country; หนังของโอลิเวอร์ พาร์กเกอร์ Othello; หนังของโรเบิร์ต อัลท์แมน เรื่อง The Gingerbread Man; หนังของวู้ดดี้ อัลเลน เรื่อง Celebrity; หนังของแดนนี่ บอยล์ เรื่อง Alien Love Triangle; หนังของพอล กรีนกราส เรื่อง The Theory of Flight; หนังของแบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์ Wild Wild West; หนังของไมเคิล คาเลสนิโค เรื่อง How to Kill Your Neighbour's Dog และหนังของฟิลลิป นอยซ์ เรื่อง Rabbit Proof Fence
นอกเหนือจากงานที่ Channel 4 และ รายการโทรทัศน์ของ A&E เรื่อง Shackleton, บรานัคยังได้ปรากฎตัวทาง HBO/BBC ในดราม่าเรื่อง Conspiracy ซึ่งเขาได้รับรางวัลเอ็มมี่ - Best Actor และถูกเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำล่าสุดเขาได้กำกับการแสดงงานเวทีเรื่องฮิตที่ London's West End เรื่อง The Play What I Wrote ซึ่งได้รับสองรางวัล Olivier Awards เขาเพิ่งเสร็จจากการร่วมแสดงในงานละคร ของไมเคิล แกรนเดจ เรื่อง Richard III ที่ Crucible Theatre ในเชฟฟิลด์ บรานัคได้รับการต้อนรับอย่างท่วมท้นในการกลับมาบนเวทีหลังจากหายหน้าไปสิบปี
จอห์น คลีส (นิกหัวเกือบขาด)อีกครั้งกับบทผีหัวเปิดปิดได้
แทบไม่ต้องการให้แนะนำตัว จากการทำงานบันเทิงให้กับชาวโลกมากว่า 40 ปี ในฐานะดาราตลก นักเขียน ผู้กำกับการแสดง ผู้อำนวยการสร้าง และในความเป็นคนเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน
บางทีอาจจะเป็นเพราะในปี 1969 กับซีรี่ส์ตตอนแรกของเรื่อง Monty Python's Flying Circus ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความโด่งดังของเขาก็เป็นได้ อารมณ์ขันของบรรดา The Python ซึ่งไม่เหมือนใครกลายเป็นสัญญลักขณ์ที่ต่อเนื่องไปยังซีรี่ส์อีกสามตอนต่อมา ทัวร์การแสดงในสหราชอาณาจักรและแคนาดา และที่ Theatre Royal, Drury Lane และ City Center, นิวยอร์ค รวมทั้งที่ Hollywood Bowl ทีมงานได้เริ่มงานภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1971 เรื่อง And Now For Something Completely Different และในอีกสองปีต่อมาตามมาด้วย Monty Python and the Holy Grail, และในปี 1978 - Life of Brian และปี1982 - The Meaning of Life
ปี 1975 เขาได้สร้างงานที่กลายมาเป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่างซีรี่ส์โทรทัศน์ Fawlty Towers และซีรี่ส์ที่สองก็ตามมาในปี 1979
คลีสยังเป็นผู้เขียนบท กำกับการแสดง และร่วมแสดงใน A Fish Called Wanda, กับเควิน ไคลน์, เจมี่ ลี เคอร์ติส และไมเคิล พาลิน ซึ่งออกฉายเมื่อปี 1988 ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง และออสการ์ รวมทั้ง Writers Guild of America - Best Screenplay และคลีสได้รับรางวัล BAFTA - Best Actor รงมทั้งภาพยนตร์ยังได้รับการแสนอชื่อชิงรางวัลด้าน Best Screenplay
ผลงานมีชื่อด้านภาพยนตร์ ได้แก่ : Clockwise; Romance With a Double Bass; Time Bandits; The Great Muppet Caper; Privates on Parade; Silverado; Splitting Heirs; Mary Shelley's Frankenstein; The Jungle Book; Fierce Creatures (ร่วมเขียนบทและร่วมอำนวยการสร้าง); Out of Towners; Isn't She Great; The World is not Enough; The Quantum Project และ Rat Race
นอกจากนี้ คลีสยังได้อำนวยการจัดคอนเสิร์ต Amnesty Concert เป็นครั้งแรกในชื่อ A Poke in the Eye (กำกับโดยโจนาธาน มิลเลอร์) ในปี 1975 และได้กำกับการแสดงให้ The Secret Policeman's Ball อีกครั้งสำหรับ Amnesty บนเวทีเมื่อปี 1979 และเขายังได้ร่วมกำกับ ให้ The Secret Policeman's Other Ball ในปี 1981
งานที่โดดเด่นด้านอื่นได้แก่ ทางโทรทัศน์ BBC เรื่อง The Frost Report, The Frost Programme และ At Last the 1948 Show ซึ่งเป็นการแนะนำตัวเขาต่อผู้ชมอังกฤษในปี 1966 และ 1967 ; บทบาท Petruchio ในผลงานเช็คสเปียร์ดัดแปลงทาง BBC เรื่อง The Taming of the Shrew; ทาง LWT เรื่อง Whoops Apocalypse และล่าสุดทาง BBC เรื่อง The Human Face
คลีสยังเป็นผู้ก่อตั้งของบริษัทฝึกสอนการบริหารงานภาพยนตร์ที่ได้รับความสำเร็จอย่างสูง ในนาม Video Arts (ได้รับรางวัล Queen's Award to Industry for Exports) และได้เขียนหนังสือจิตวิทยาบุคคลสองเล่มในชื่อ Families & How to Survive Them และ Life and How to Survive it (ทั้งคู่กับ ดร. โรบิน สกินเนอร์) ซึ่งเล่มแรกได้ถูกนำไปสร้างเป็นซีรี่ส์ทาง BBC Radio 4 เขาจบการศึกษาจาก Cambridge (MA), และเป็นอธิการบดีที่ of St. Andrew's University 3 ปี (Honorary LL.D) และในปี 1999 ได้รับแต่งตั้งให้โดย Andrew D White Professor-at-large ของ Cornell University
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ