กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--Triple J Communication
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นประธานพิธีมอบหลอดผอมเบอร์ 5 ให้กับจังหวัดตราด โดยมี นายชลอ ใบเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นผู้รับมอบ
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบหลอดผอมเบอร์ 5 ให้กับจังหวัดตราด ว่า “กระทรวงพลังงานปรับเปลี่ยนหลอดไฟของศาลากลางจังหวัดตราด เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 จำนวน 971 หลอด ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณในการ จ่ายค่าไฟฟ้าได้ถึง 130,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 22 ตันต่อปี อันจะเป็นตัวอย่างอาคารภาครัฐที่มีการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน โอกาสนี้ จึงขอความร่วมมือร่วมใจ จากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของศาลากลางจังหวัดตราดทุกท่าน ได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อาคารอื่นๆ และประชาชนทั่วไปด้วย”
นายชลอ ใบเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันการใช้พลังงานในอาคารศาลากลางจังหวัดฯ ส่วนใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยในปี 2552 มีการใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 350,000 หน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 1,150,000 บาทต่อปี การดำเนินการเรื่องการประหยัดพลังงานที่ผ่านมาจังหวัดฯ ได้รับ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน ได้แก่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานพลังงานจังหวัดตราด ในการเผยแพร่ความรู้ในหลายๆ เรื่อง เช่น การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด การจัดทำแผนพลังงานชุมชน เป็นต้น และยังได้รับความอนุเคราะห์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้ามาปรับเปลี่ยนหลอดผอมแบบเดิมเป็นหลอดผอมเบอร์ 5 ซึ่งเป็นหลอดที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ จากข้อมูลของทีมงาน กฟผ. ที่เข้ามาปรับเปลี่ยน พบว่า สามารถลดกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในหลอดลงได้ มากกว่าร้อยละ 30 เกิดผลประหยัดประมาณ 39,000 หน่วยต่อปี เป็นเงิน 130,000 บาทต่อปี นอกจากผลประหยัดที่ได้รับแล้ว หลอดผอมเบอร์ 5 ยังให้ความสว่างมากกว่าหลอดเดิมด้วย ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการ และประชาชนผู้มาติดต่อใช้บริการ ให้ดียิ่งขึ้น”
กระทรวงพลังงานจะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หลอดฟลูออเรสเซนต์เดิม เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 ในอาคารภาครัฐ รวม 680 แห่ง นอกจากนี้ ยังจัดทำ “โครงการส่งเสริมและกำกับดูแลอาคารควบคุมภาครัฐ” เพื่อให้สนับสนุนและช่วยเหลืออาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ รวมประมาณ 800 แห่ง ให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พลังงานได้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย โดยคาดว่า หลังจากเสร็จสิ้นโครงการดังกล่าวแล้ว ในปี 2554 จะสามารถประหยัดพลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันดิบประมาณ 25,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 620 ล้านบาทต่อปี และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 147,000 ตันต่อปี