กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 26,200-26300
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,820
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.40-30.43
- GFQ11 Hi- Low 26,260-25,650 ปิดที่ 25,960
Gold & Silver Insight
สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดพุ่ง 33.30 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ที่ 1,814.70 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทะยานขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ที่ 40.831 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นโอกาสที่ดีในการกระจายการลงทุนสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกที่เลวร้ายลงเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินยูโรโซน ขณะที่รัฐมนตรีคลังยุโรปประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางจัดการวิกฤติหนี้ภูมิภาค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 75.91 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 11,509.09 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 6.90 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,216.01 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 15.24 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 2,622.31 จุด ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเล็กน้อยเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินยุโรป หลังจากที่ธนาคารกลางที่สำคัญ 5 แห่งได้ร่วมมือกันเพื่ออัดฉีดดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคารของยุโรป ขณะที่บรรดารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการหารือเรื่องแผนรับมือวิกฤติหนี้สินในภูมิภาค
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.61% แตะที่ 87.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากราคาดิ่งลงต่ำที่ 87.00 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบดีดขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.83% เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่ะความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการประชุมของรัฐมนตรีคลังยุโรปที่โปแลนด์ในการหารือแนวทางแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 19 กันยายน ซื้อเข้า 10.60ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1241.31ตัน เข้าสู่ระดับ 1251.91ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ จากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นได้ช่วยหนุนดอลลาร์ ค่าเงินยูโรปรับตัวลง 0.62% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3790 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3876 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3660 ดอลล่าร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.800 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 76.720 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.87 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.35-30.38 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.40-30.43 บาทต่อดอลล่าร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา คาดว่า จะแถลงแผนการกระตุ้นรายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปีในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการปรับงบประมาณของรัฐบาลให้มีความสมดุล สื่อท้องถิ่นของสหรัฐรายงานว่า มาตรการเพิ่มรายได้ฉบับใหม่นี้อาจจะมาจากการขึ้นภาษีชาวอเมริกันที่มีฐานะร่ำรวยและจากบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่า โอบามาจะเสนอแผนการดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการที่รับผิดชอบด้านการลดยอดขาดดุลงบประมาณซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 12 คนจากทั้งพรรคเดโมแครทและรีพับลิกัน เพื่อปูทางสู่การรับรองร่างกฎหมายการสร้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์ของโอบามา และเพื่อควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณ
- นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวในระหว่างการประชุมรมว.คลังของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศโปแลนด์ว่า ผู้นำยุโรปจำเป็นต้องมีความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ โดยเรียกร้องให้ผู้นำยุโรปลดความขัดแย้งและขจัดความเสี่ยงออกไปจากตลาด และให้มุ่งเน้นเรื่องการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคเป็นหลัก เพื่อไม่ให้วิกฤหนี้สาธารณะลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์ยังเรียกร้องให้ผู้นำยุโรปเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)
- ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% สู่ระดับ 4.75 ล้านยูนิตต่อปี หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าตัวเลขการสร้างบ้านในเดือนส.ค.จะอยู่ที่ระดับ 590,000 ยูนิต ซึ่งแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 587,000 ยูนิต
- นายลูเซียน เซอร์แน็ท หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในวันนี้ว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหภาพยุโรป (อียู) และจีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกอย่างยั่งยืน และทั้งสองประเทศควรมองข้ามปัญหาด้านการค้าในระยะสั้น นายเซอร์แน็ทกล่าวในการประชุมแห่งหนึ่งที่สิ้นสุดในวันนี้ว่า จีนเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดสำหรับการค้ายุโรปและเป็นจุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งสำหรับการลงทุนโดยตรงต่างชาติของยุโรป ขณะที่อียูยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกของจีน