กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--กรมสรรพสามิต
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ และ ผู้ประกอบการด้านสินเชื่อรถยนต์ เพื่อหารือกรณีคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก โดยมี นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
นายพงษ์ภาณุ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 กำหนดให้ใช้มาตรการคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามแนวทางการใช้มาตรการดังกล่าว และคาดว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชน ดังนี้
1. สนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสซื้อรถยนต์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีรถยนต์มาก่อน สามารถซื้อรถยนต์ได้ไม่น้อยกว่า 500,000 คน
2. มาตรการนี้จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
3. มาตรการดังกล่าวนี้จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์เพิ่มมากขึ้น
สำหรับเงื่อนไขการได้รับคืนเงินนั้น มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
2. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
3. เป็นรถยนต์นั่งขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถยนต์กระบะ (PICK UP)/รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (DOUBLE CAB)
4. เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคัน
6. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
8. การคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว (จ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
อธิบดีกรมสรรพสามิต ยังกล่าวถึง กระบวนการยื่นคำขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก ว่าสามารถยื่นคำขอได้ 2 ช่องทาง คือ
1. สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา ทั่วประเทศ
2. ผ่านทาง www.excise.go.th
โดยสามารถยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตพร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
- แบบคำขอคืนเงินและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์คันแรก
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
- สำเนาคู่มือการจดทะเบียน
- หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์คันแรกภายใน 5 ปี
- หลักฐานการซื้อขายรถยนต์
กรณียื่นคำขอผ่านทาง www.excise.go.th ผู้ซื้อต้องส่งเอกสารฉบับจริงให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาที่ตนแจ้งความประสงค์ไว้ ซึ่งหากผู้ซื้อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือเปลี่ยนบริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัดเช่าซื้อ (Refinance) ให้ผู้ซื้อแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้ โดยการยื่นขอรับคืนนั้นผู้ซื้อสามารถระบุสถานที่ที่จะขอรับเงินคืนได้ตามแบบคำขอทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกสามารถตรวจสอบการได้รับสิทธิทาง www.excise.go.th หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอฯไว้ หรือทาง E-mail หรือ SMS ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ยื่นเอกสาร
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่า เมื่อผู้ซื้อได้ครองครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (จ่ายคืนตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป) จะได้รับแจ้งเป็นหนังสือการคืนเงินจากกรมบัญชีกลาง/คลังจังหวัด ทั้งนี้หากผู้ซื้อได้รับเงินคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว และอยู่ในระหว่างครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หากกระทำผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งที่ระบุไว้ในคำขอคืนเงินและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์คันแรก ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องนำเงินที่ได้รับคืนไปส่งคืนทางราชการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง
ผู้ซื้อรถยนต์คนแรกสามารถตรวจสอบรายละเอียดยี่ห้อ รุ่นรถยนต์และจำนวนเงินที่มีสิทธิได้รับคืนทาง www.excise.go.th หรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศ และหากมีปัญหาหรือมีเหตุขัดข้อง สามารถติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วน 1713 หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา ทั่วประเทศ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพสามิต
โทร.02 241 4778