กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนสิงหาคม 2554 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2554 ดังนี้
ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ
1. การกู้เงินภาครัฐ
1.1 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล
การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลในเดือนสิงหาคม 2554
ในเดือนสิงหาคม 2554 กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์จำนวน 78.25 ล้านบาท และการกู้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 403.28 ล้านบาท
ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 265,995.36 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 147,515.84 ล้านบาท
2. การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท
3. การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 5,539.43 ล้านบาท
1.2 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนสิงหาคม 2554
ในเดือนสิงหาคม 2554 รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ รวมกันทั้งสิ้น 2,336 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 8,155.14 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 40,412.15 ล้านบาท
2. การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
2.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนสิงหาคม 2554
ในเดือนสิงหาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้
2.1.1 การออกพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้จำนวน 25,000 ล้านบาท เพื่อนำไปคืนเงินกู้ระยะสั้นที่กู้ในเดือนมิถุนายน 2554 จำนวน 20,000 ล้านบาท ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวจะไม่ปรากฏในตารางที่ 3 เนื่องจากจะเป็นการนับซ้ำกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รายงานไปแล้ว และการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตร เพื่อการบริหารหนี้ 5,000 ล้านบาท
2.1.2 การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สอง (FIDF 3) จำนวน 26,696.71 ล้านบาท ที่ครบกำหนดในวันที่ 26 สิงหาคม 2554 โดยแบ่งเป็นการทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3) จำนวน 8,696.71 ล้านบาท และการกู้เงินระยะสั้นจำนวน 18,000 ล้านบาท
2.1.3 การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 7,000 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา
ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 325,246.54 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ จำนวน 104,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 103,646.54 ล้านบาท และเงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 117,600 ล้านบาท
2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนสิงหาคม 2554
ในเดือนสิงหาคม 2554 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 71,112.77 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนสิงหาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 7,947.44 ล้านบาท ดังนี้
- ชำระหนี้ในประเทศ 4,681.64 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 635.64 ล้านบาท ดอกเบี้ย 4,024.60 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 21.40 ล้านบาท
- ชำระหนี้ต่างประเทศ 3,265.80 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 3,083.93 ล้านบาท ดอกเบี้ย 181.24 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.63 ล้านบาท
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.1 หนี้ในประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 16,011.29 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจาก
- การออกพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 22,000 ล้านบาท
- การออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุล 8,000 ล้านบาท
- การไถ่ถอนเงินกู้ระยะสั้น 12,000 ล้านบาท
1.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงจากเดือนก่อน 252.66 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูป เงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 39.35 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 111.30 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 44.10 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 323.80 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 124.02 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 4.17 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 0.58 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 17.34 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ในประเทศ
2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 6,609.05 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ออกพันธบัตร 3,940 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงได้ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 3,669.05 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 782.32 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- การไฟฟ้านครหลวงได้มีการไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท และการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคได้มีการออกพันธบัตรและไถ่ถอนพันธบัตร 1,100 ล้านบาท และ 412.10 ล้านบาท ตามลำดับ
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 470.22 ล้านบาท
2.2 หนี้ต่างประเทศ
2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 88.62 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 174.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาท เพิ่มขึ้น 236.79 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 185.19 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการชำระคืนประมาณ 849.64 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 325.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 10.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ค้ำประกัน)
2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 5,117.56 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 30.36 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 4,043.09 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.75 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 13.02 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 554.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 18.62 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 864.29 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 331.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 11.13 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าชำระคืนประมาณ 6.36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 189.18 ล้านบาท
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ไม่ค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ไม่ค้ำประกัน) จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ในประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
3.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลงจากเดือนก่อน 199.16 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 97.29 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.86 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 76.67 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 29.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 0.99 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 2.44 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 72.51 ล้านบาท
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
4. หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 27.46 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินหมุนเวียน
หนี้สาธารณะ จำนวน 4,280,053.36 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 338,621.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.91 และหนี้ในประเทศ 3,941,431.57 ล้านบาท หรือร้อยละ 92.09 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็น หนี้ระยะยาว 4,216,932.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.53 และหนี้ระยะสั้น 63,120.98 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.47 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512