กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--ธนาคารกรุงเทพ
ในสัปดาห์นี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีชั้นนำของไทยจะนำสินค้าและบริการไปจัดแสดงในงาน China International SME Fair หรือมหกรรมเอสเอ็มอีนานาชาติที่ประเทศจีน ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยประเทศไทยได้รับเชิญให้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานเป็นครั้งแรกในปีนี้
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นหน่วยงานที่นำผู้ประกอบการไทยจำนวนกว่า 200 รายเข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการในงานดังกล่าว โดยธนาคารกรุงเทพเป็น 1 ใน 4 บริษัทของไทยและเป็นธนาคารไทยรายเดียวที่ร่วมสนับสนุน สสว.ในการจัดแสดงนิทรรศการของประเทศไทยในงานนี้ นอกจากการสนับสนุนดังกล่าว ธนาคารจะได้ร่วมออกบูธในงานด้วย โดยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของธนาคารจากประเทศไทย และนายสุวัชชัย ทรงวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) จะคอยอำนวยความสะดวกอยู่ที่งานและให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการที่สนใจแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนกับอาเซียนที่กำลังขยายขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น
มหกรรมเอสเอ็มอีนานาชาติจัดขึ้นที่นครกว่างโจว ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายนนี้ ซึ่งประเทศไทยได้รับเชิญจากรัฐบาลจีนให้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นครั้งแรกด้วย โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 3,000 รายจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วม
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจะนำคณะเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปร่วมงานที่นครกว่างโจว กล่าวว่า งานมหกรรมเอสเอ็มอีนานาชาติจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ศึกษาช่องทางในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับบริษัทจีน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน
“ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงเทพประเทศจีนจะคอยให้การช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยที่ต้องการจะคว้าโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในระหว่างการร่วมงาน ด้วยประสบการณ์ในประเทศจีนกว่า 25 ปีของธนาคาร และปัจจุบันธนาคารกรุงเทพประเทศจีนมีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้ว 4 แห่ง ทำให้เรามีความพร้อมที่จะสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในประเทศจีน การให้บริการชำระเงินครบวงจรในสกุลเงินหยวน หรือให้บริการสนับสนุนการซื้อขายสินค้ากันภายในงาน นอกจากนี้ ธนาคารยังพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดตั้งธุรกิจหรือการร่วมมือทางธุรกิจกับคู่ค้าในประเทศจีนอีกด้วย” นายวีระศักดิ์กล่าว
ประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน โดยในครึ่งแรกของปี 2554 มีการค้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ารวม 31,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นครกว่างโจวเป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นภูมิภาคหนึ่งที่มีความเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังมีสายสัมพันธ์ทางเชื้อชาติและธุรกิจกับประเทศไทยมาหลายชั่วอายุคน
“ประมาณหนึ่งในสามของมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนทั้งหมดเป็นการค้ากับมณฑลกวางตุ้ง โดยมีการลงทุนร่วมระหว่างกันเป็นมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากธุรกิจจีนในภูมิภาคนี้กำลังมองหาช่องทางในการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะส่งผลให้โอกาสสำหรับการร่วมมือทางธุรกิจระหว่างเอสเอ็มอีไทยและจีนเปิดกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต วิศวกรรม สิ่งทอ และการแปรรูปอาหาร”
“ธนาคารกรุงเทพเปิดสาขาเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศจีนที่มณฑลกวางตุ้งในปี พ.ศ. 2535 และสาขาดังกล่าวปัจจุบันตั้งอยู่ในนครเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจของมณฑลกวางตุ้ง และการมีธนาคารไทยซึ่งลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในภูมิภาคนี้ เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยให้บริษัทไทยมีความมั่นคงไปด้วย” นายวีระศักดิ์กล่าว
ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียวที่มีบริษัทในเครือ ซึ่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน ซึ่งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ และมีสาขาอยู่ในเขตเศรษฐกิจสำคัญๆ ของจีน คือ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น และเซี่ยะเหมิน
ในงานมหกรรมเอสเอ็มอีนานาชาติในครั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจะนำผลิตภัณฑ์และบริการไปแสดงในพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตรภายในศูนย์จัดแสดงสินค้าระดับประเทศของจีน โดยเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ซึ่งได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ กลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กลุ่มเครื่องสำอางสมุนไพรไทย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สปา และอุปกรณ์เกี่ยวกับสุขภาพ และกลุ่มดิจิตอลคอนเทนท์ สื่อบันเทิง รวมถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และปิโตรเคมี โดยคาดว่าจะมีการจับคู่ธุรกิจเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท