MovieSpy Kids ตอน SPY KIDS All the time in the world ซุปเปอร์ทีมระเบิดพลังทะลุจอ

ข่าวบันเทิง Friday September 23, 2011 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--เอ็ม พิคเจอร์ส จัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์ส ชื่อภาษาไทย ซุปเปอร์ทีมระเบิดพลังทะลุจอ เว็ปไซด์ตัวอย่างภาพยนตร์ http://youtu.be/OuRQO_GenkA ภาพยนตร์แนว แอคชั่น-ผจญภัย จากประเทศ สหรัฐอเมริกา กำหนดฉาย 13 ตุลาคม 2554 ณ โรงภาพยนตร์ ทุกโรงภาพยนตร์ นักแสดง Jessica Alba (เจสสิก้า อัลบา) จาก Fantastic Four Joel McHale (โจเอล แม็คเฮล) จาก ซีรีย์คอเมดีสุดฮิต Community พร้อมสองนักแสดงดาวรุ่งเด็ก Mason Cook (เมสัน คุ้ก) และ Rowan Blanchard (โรวัน บลองชาร์ด) ผู้กำกับ Robert Rodriguez (โรเบิร์ต โรดริเกซ) อำนวยการสร้าง Robert Rodriguez (โรเบิร์ต โรดริเกซ) จุดเด่น ผลงานสร้างของผู้กำกับมากฝีมือ โรเบิร์ต โรดริเกซ ภาพยนตร์สุดตระการตาที่ผสมผสานระหว่างคอเมดีและการผจญภัยภัยไลฟ์แอ็กชัน ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัย ภาพยนตร์ภาคต่อที่ประสบความสำเร็จในทุกภาค และภาคล่าสุดนี้กับการนำเทคโนโลยี 4D มาใช้ เรียกได้ว่าให้คุณได้ร่วมลุ้นและสัมผัสเสหมือนจริง ที่กลับมาคราวนี้ด้วยอุปกรณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เรื่องย่อ หากดูเพียงผิวเผิน มาริสซา คอร์เตซ วิลสัน (เจสสิก้า อัลบา) มีพร้อมทุกอย่าง…เธอได้แต่งงานกับนักข่าวโทรทัศน์ผู้ตามล่าสายลับคนดัง มีลูกน้อยที่เพิ่งเกิด และมีลูกเลี้ยงฝาแฝดที่แสนฉลาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำหน้าที่เป็นแม่ให้กับรีเบ็คก้า (โรวัน บลองชาร์ด) และเซซิล (เมสัน คุ้ก) ผู้เกลียดเธอเข้าไส้ เป็นความท้าทายที่หินที่สุดของเธอ นอกจากนั้น วิลเบอร์ (โจเอล แม็คเฮล) สามีของเธอ ก็ไม่รู้จักสายลับด้วยซ้ำ ต่อให้เขาใช้ชีวิตอยู่กับสายลับก็เถอะ ซึ่งก็ใช่เลย เพราะมาริสซานี่แหละคือสายลับที่ถอนตัวจากวงการแล้วโลกของมาริสซาพลิกกลับตารปัตรเมื่อไทม์คีพเปอร์ผู้บ้าคลั่ง (เจเรมี พิเวน) ขู่ที่จะยึดครองโลก และเธอก็ถูกเรียกกลับไปปฏิบัติการอีกครั้งโดยคำสั่งของหัวหน้าทีม OSS ที่ซึ่งรวมสายลับระดับสุดยอดเอาไว้ด้วยกัน และเคยเป็นที่ตั้งของแผนก Spy Kids ที่ถูกยุบไปแล้วด้วย เมื่อหายนะกำลังจะมาเยือน เซซิลและรีเบ็คก้า พี่สาวของเขา ก็ต้องออกปฏิบัติการเมื่อพวกเขารู้ว่า แม่เลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายของพวกเขาเคยเป็นสุดยอดสายลับมาก่อน บัดนี้ เด็กสองคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ที่สุดในโลกจำใจต้องรามือจากการทะเลาะกัน และพึ่งพาเพียงสติปัญญา ด้วยความช่วยเหลือจากสปายคิดส์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี คาร์เมน (อเล็กซา เวก้า) และจูนี คอร์เตซ (ดาริล ซาบารา) รวมถึงอุปกรณ์สุดไฮเทค พวกเขาก็อาจจะสามารถกอบกู้โลกและประสานรอยร้าวในครอบครัวไปพร้อมๆ กันได้ด้วยก็เป็นได้ SPY KIDS: ALL THE TIME IN THE WORLD IN 4D เกี่ยวกับเรื่องราว ในปี 2001 ผู้กำกับโรเบิร์ต โรดริเกซได้แนะนำภาพยนตร์ใหม่สุดตระการตาให้ผู้ชมได้รู้จักด้วย SPY KIDS ภาพยนตร์คอเมดีผจญภัยไลฟ์แอ็กชัน ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัย เด็กที่ดูเหมือนเด็กทั่วไป ได้กลายเป็นสายลับจิ๋วและครอบครัวได้กลายเป็นฮีโร จากภาพยนตร์เรื่องนั้นก็นำไปสู่ซีเควลที่ได้รับการยกย่อง (Spy Kids 2: Island of Lost Dreams, Spy Kids 3-D: Game Over) ที่คนทั้งครอบครัวชื่นชอบและเข้าถึงได้ ภาพยนตร์เหล่านี้ได้เนรมิตชีวิตให้กับเรื่องราวที่อัดแน่นไปด้วยแอ็กชัน ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริง โดยมีข้อคิดที่เป็นสากลว่า ครอบครัวคือสิ่งสำคัญ สิบปีหลังจากภาคแรก โรดริเกซได้นำเรากลับสู่โลกของ Spy Kids อีกครั้งด้วยการแนะนำสายลับสุดเจ๋งคนใหม่ การกลับมาของตัวละครที่ผู้ชมรัก และอุปกรณ์น่าตื่นตาตื่นใจ นอกเหนือจากนั้น ภาคใหม่นี้จะเป็นการแนะนำเทคโนโลยี 4D Aromascope ที่จะทำให้ผู้ชมรุ่นใหม่ได้สัมผัสกับภาพยนตร์ผจญภัยอินเตอร์แอ็กทีฟ ที่สนุกสนานสำหรับทุกคนในครอบครัว เมื่อซื้อตั๋วภาพยนตร์แต่ละใบ เด็กๆ และพ่อแม่ก็จะได้รับการ์ด Aromascope ที่มีตัวเลขเรียงกันให้อ่านง่าย ขณะที่ตัวเลขปรากฏบนหน้าจอภาพยนตร์ ผู้ชมก็จะถูตัวเลขบนการ์ดของตัวเองตามนั้น เมื่อกลิ่นทั้งแปดกลิ่นถูกปลดปล่อยออกมา คุณก็จะได้สัมผัสกับช่วงเวลาพิเศษสุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ และถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ฉากภายในภาพยนตร์ผจญภัยสำหรับครอบครัวเรื่องนี้ เสน่ห์ที่เพิ่มความสนุกสนานเข้าไปนี้ได้ช่วยสร้างเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นและเพิ่มรสชาติให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อแนะนำสิ่งใหม่ๆ ที่บันเทิงใจสำหรับครอบครัว เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอัญมณีหรือทองคำคือเวลา และบัดนี้ เหล่าร้ายก็มีวิธีที่จะขโมยในสิ่งที่พวกเรามีไม่เคยพอเสียแล้ว เมื่อการครบรอบปีที่สิบใกล้เข้ามา โรดริเกซก็เริ่มนึกถึงการกลับไปเยือนแฟรนไชส์ที่คลาสสิกนี้ด้วยมุมมองแปลกใหม่ เขาอธิบายว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายครอบครัวมาบอกผมว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ลูกๆ ของพวกเขาชอบที่สุดและพวกเขาก็ดูมันซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบมาก” คอนเซ็ปต์สำหรับเรื่องนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในปี 2009 ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Machete ของโรดริเกซกับเจสสิก้า อัลบา เพื่อนผู้ร่วมงานกับเขาบ่อยครั้ง โรดริเกซอธิบายว่า “ผมเห็นเจสสิก้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกของเธอ และเกิดปิ๊งไอเดียที่จะให้เธอรับบทเป็นคุณแม่สายลับขึ้นมา ผมตื่นเต้นกับมันและเริ่มเขียนบทนั้นให้เธอ ผมคิดไอเดียที่จะปลุกชีพให้แฟรนไชส์นี้ด้วยเด็กกลุ่มใหม่ขึ้นมาครับ” อีกธีมหนึ่งที่อยู่ในความคิดของโรดริเกซคือเรื่องของเวลาและการที่เวลาที่ใช้กับครอบครัวดูเหมือนจะไม่เคยพอเลย “ตอนที่ผมมองลูกๆ ของผม ผมอยากจะหยุดเวลาไว้เพื่อที่ผมจะได้อยู่กับพวกเขาให้นานๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตและย้ายออกจากบ้านไปน่ะครับ ผมคิดไอเดียของผู้ร้ายที่พยายามจะยึดเวลาของคนอื่นไปเพื่อที่เขาจะสามารถใช้มันย้อนเวลากลับไปได้น่ะครับ” เขาอธิบาย การนำคาร์เมนและจูนี คอร์เตซ ตัวละครที่เป็นที่รักกลับมาอีกครั้งก็เป็นการขยายคอนเซ็ปต์ในเรื่องของเวลาที่ผ่านเลยไปออกไปมากขึ้น ตอนนี้ เราได้พบกับพวกเขาในอีกหลายปีให้หลังเมื่อพวกเขากลับมานำทางและสอนสายลับรุ่นจิ๋วกลุ่มใหม่เกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ โรดริเกซอธิบายว่า “การได้เห็นว่าคาร์เมนและจูนีพัฒนาและเติบโตขึ้นมาอย่างไรได้มีส่วนในธีมเรื่องเวลาที่ผ่านเลยไปด้วยครับ” อลิซาเบธ อเวลลัน หุ้นส่วนการอำนวยการสร้างของโรดริเกซ ตื่นเต้นกับไอเดียนี้เช่นเดียวกัน เธอเล่าว่า “มันเยี่ยมมากที่มีเนื้อเรื่องให้เราได้นำคาร์เมนและจูนีกลับมาอีกครั้ง มันจะทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักกับเวทมนตร์ของ Spy Kids ค่ะ” โรดริเกซได้เลือกนักแสดงที่ค่อนข้างจะโนเนมมารับบทสายลับคนใหม่ของเขา ได้แก่โรวัน บลองชาร์ด วัยเก้าขวบ (Dance A Lot Robot) และเมสัน คุ้ก วัยสิบเอ็ดขวบ (Raising Hope) โรดริเกซพูดถึงบลองชาร์ด ผู้รับบทรีเบ็คก้า วิลสัน จอมซนว่า “โรวันมีชีวิตชีวาครับ ผมรู้ว่าเธอคือคนที่ผมต้องการทันทีที่เธอเดินเข้ามา เธอมีพลังงานเหลือล้นและมีมุมมองสำหรับรีเบ็คก้าที่ไม่เหมือนใครด้วย” โรดริเกซกล่าวว่า ด้วยนิสัยของเมสัน คุ้ก ทำให้เขาสามารถใส่อะไรเข้าไปในตัวละคร เซซิล ได้มากขึ้นด้วย “เมสันเงียบขรึมและเก็บตัวมากกว่านี้ ตอนที่ผมได้พบกับเขาครั้งแรก แต่ผมบอกได้เลยว่าเขามีบางอย่างที่พิเศษสุด ผมสามารถทำให้เซซิลเป็นเด็กอัจฉริยะได้เพราะเมสันเป็นคนฉลาด ผมรู้ว่าเขาสามารถถ่ายทอดเรื่องนั้นออกมาได้อย่างดีครับ” เวอร์ชันชีวิตจริง: ท้ายที่สุดแล้ว เวลาก็ไม่เคยคอยท่าใคร ฉะนั้นจงใช้มันอย่างคุ้มค่า ความสำคัญของครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญของ Spy Kids และเรื่องนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจากวัยเด็กของโรดริเกซที่เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องสิบคน และการเป็นพ่อของลูกๆ ห้าคน เช่นเดียวกับในภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ เขาได้สร้างครอบครัวที่มีปัญหาจริงๆ อย่างที่ลูกๆ และพ่อแม่จะเข้าถึงได้ นั่นคือพ่อแม่ก็ยุ่งกับการทำงานมากเกินกว่าที่จะมีเวลาอยู่กับครอบครัว ส่วนลูกๆ ก็มัวแต่สนใจเรื่องอื่น และแม่มือใหม่ก็ต้องรักษาสมดุลระหว่างการเลี้ยงลูกและการกลับไปทำงานอีกครั้ง รวมทั้งความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ผสมผสานกันด้วย “เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเวลา เอกลักษณ์และการกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันมากขึ้นผ่านทางการทำงานร่วมกันครับ” โรดริเกซพูดถึงภาคที่สี่นี้ แม็คเฮลพูดถึงบทภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างกระตือรือร้นว่า “โรเบิร์ตนำธีมจริงๆ ที่ซีเรียสมาใส่ลงไปในหนังมหัศจรรย์ที่ทั้งตลกและเต็มไปด้วยแอ็กชัน สำหรับทุกคนในครอบครัวครับ” อัลบา ที่เป็นเวิร์คกิ้งมัมเอง เข้าใจถึงปัญหาหนักอกของมาริสซาเป็นอย่างดี “มันเป็นเรื่องยากมากค่ะที่จะต้องพยายามรักษาสมดุลระหว่างการทำงานกับการเป็นแม่ ว่าคุณจะใช้เวลากับเรื่องไหนมากเท่าไหร่ และทั้งสองอย่างก็เหมือนประสานเข้าด้วยกัน จู่ๆ เวลาก็ผ่านไปหนึ่งปี แล้วคุณก็ต้องถามตัวเองว่า ‘เวลาหายไปไหน’” เวก้าเผยว่า สิ่งที่เด็กๆ ชื่นชอบมาตลอดหลายปีนี้คือพวกสายลับเป็นเด็กทั่วๆ ไป “ความจริงก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนพิเศษถึงจะเป็นสายลับได้ เพียงแต่คุณจะต้องเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กล้าหาญและอยากจะทำความดี มันไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ แต่เป็นเรื่องของตัวคุณครับ” ซาบารากล่าวเสริม “การเป็นสายลับเด็กคือการใช้จินตนาการและการทำตามสัญชาตญาณของคุณ เด็กทุกคนมีศักยภาพนั้นครับ” พบครอบครัวสายลับหน้าใหม่ มาริสซา คอร์เตซ วิลสัน (เจสสิก้า อัลบา) เป็นน้องสาวของเกรกอริโอ คอร์เตซ ผู้เป็นพ่อใน Spy Kids ภาคก่อนๆ ครอบครัวใหม่ของเธอไม่เคยรับรู้ถึงอดีตในฐานะสุดยอดสายลับของเธอเลย มาริสซารู้สึกหมดแรงไปกับการเป็นคุณแม่มือใหม่ และการรับมือกับสามีที่บ้างาน อัลบากล่าวว่า “เธอพยายามอย่างหนัก แต่ก็ถูกเรื่องต่างๆ ถาโถมเข้ามาจนหมดแรง การเป็นสายลับดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย และการเป็นแม่กลับกลายเป็นสิ่งที่เธอลำบากกับมัน” เมื่อถูกเรียกให้กลับมาปฏิบัติงานอีกครั้ง ตัวละครของเธอก็พบว่าการกลับไปทำงานอีกครั้งไม่ใช่งานง่ายเลย เหมือนกับในชีวิตจริงนั่นแหละ อัลบาพูดถึงตัวละครของเธอว่า “เธอต้องกระเตงเด็กทารกไปด้วยในหลายๆ ซีเควนซ์เพราะเธอเป็นแม่บ้านและไม่มีพี่เลี้ยงเด็ก เธอยังต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนอาหาร และคอยดูแลลูก พร้อมไปกับการกอบกู้โลกน่ะค่ะ” นอกจากนี้ เธอยังต้องดิ้นรนกับการทำตัวเป็นแม่เลี้ยงของเด็กๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์การเลี้ยงดูเด็กของเธอไม่หยุดด้วย อัลบาอธิบายว่า “เธออยากให้พวกเขารักเธอมากพอๆ กับที่เธอรักพวกเขา แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเด็กๆ ที่จะยอมรับแม่คนใหม่น่ะค่ะ” เมื่อโรดริเกซเข้าทาบทามอัลบาว่าอยากทำให้เธอเป็นคุณแม่สายลับ เธอก็เล่าให้เขาฟังว่าเธออยากให้ตัวละครตัวนี้มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง อัลบาเล่าว่าเธอได้บอกเขาว่า “ฉันอยากจะเห็นแม่สมัยใหม่ คนที่พยายามทำงานและจัดการกับเรื่องครอบครัว โดยที่ไม่ใช่ผู้หญิงจู้จี้ ขี้บ่น เป็นคนที่พยายามรักษาตัวตนของตัวเองไปพร้อมๆ กับการเป็นแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ และเธอก็ต้องลำบากกับการทำทั้งสองอย่างนี้ไปพร้อมๆ กันค่ะ” เป็นเรื่องสำคัญสำหรับอัลบาที่ตัวละครของเธอจะต้องมีรากฐานจากความเป็นจริง “ฉันคิดว่าผู้หญิงหลายคนอยากจะเข้าถึงตัวละครที่พวกเขาเห็นบนจอเงิน แม้ว่ามาริสซาจะเป็นสายลับสาวสุดเจ๋ง เธอไม่ได้เก่งทุกอย่าง แต่เธอก็พยายามจะเป็นแม่ที่ดีค่ะ” เธอกล่าว โรดริเกซบอกว่า เขาได้ใส่เอาแง่มุมนั้นของอัลบาเข้าไปในตัวละครของเธอ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ร่วมงานกับเจสสิก้า ในแบบที่เข้ากับบุคลิกจริงๆ ของเธอ เธอทั้งสวย ซับซ้อน และอุ้มลูกไปไหนมาไหนอยู่ตลอด” เขากล่าวต่ออีกว่า “ผมคิดว่าคงจะสนุกดีถ้าได้เห็นเรื่องพวกนั้นในโลกสายลับ มันเน้นย้ำธีม Spy Kids ที่เรามีมาโดยตลอด ที่บอกว่าชีวิตครอบครัวไม่ได้แตกต่างจากโลกสายลับที่ซับซ้อนเหลือเชื่อซักเท่าไหร่หรอกน่ะครับ” เมื่อถึงเวลาสร้างสายลับเด็กคนใหม่เพื่อมาสานต่อหน้าที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของคาร์เมนและจูนี พี่น้องคู่กัด โรดริเกซก็อยากให้พวกเขาเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวมากกว่า “รีเบ็คก้าและเซซิลเป็นพี่น้องฝาแฝด ดังนั้น พวกเขาก็เลยเข้าคู่กันได้ดีกว่าและทำงานร่วมกันได้ดีกว่า พวกเขาแข่งขันกันก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เกลียดชังกัน” โรดริเกซบอก อเล็กซ์ เวก้าพูดถึงพวกเขาว่าเป็น “จอมซนตัวป่วนที่ไม่ยอมฟังคำปฏิเสธ เมื่อทุกคนบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะเป็นสายลับไม่ได้ พวกเขาก็จัดการทำตัวเองให้กลายเป็นฮีโรด้วยความต้องการจะกอบกู้โลกบ้าง บลองชาร์ดพูดถึงรีเบ็คก้า วิลสัน ตัวป่วนหัวดื้อ ตัวละครของเธอว่า “ความหัวไวของเธอช่วยเธอได้จริงๆ ตอนแรก มันเป็นประโยชน์ในการกลั่นแกล้งแม่เลี้ยงของเธอ แต่หลังจากนั้น เธอก็ได้ใช้พรสวรรค์นั้นในการช่วยครอบครัวของเธอและโลกใบนี้ค่ะ” เซซิลที่อายุอ่อนกว่าพี่สาวฝาแฝดเขายี่สิบนาที เป็นคนฉลาดสุดๆ “เซซิลชอบการไขปัญหา แก้ปริศนา และการสลับอักษรครับ” คุ้กพูดถึงตัวละครของเขา อัลบาอธิบายเพิ่มเติมว่า “เซซิลยอมรับเรื่องนี้ดี และแทนที่จะมองว่ามันเป็นจุดอ่อน จริงๆ แล้ว มันเป็นพลังพิเศษค่ะ เขาคิดล้ำหน้าคนอื่นไปห้าหรือหกสเต็ปเพราะเขาสามารถปิดการรับรู้ด้านเสียงของตัวเองได้เมื่อเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเด็กทารกร้องหรือเสียงพี่สาวเขาบ่น เขาสามารถทำเป็นไม่รับรู้เพื่อใช้ความคิดได้น่ะค่ะ” วิลเบอร์ วิลสัน (โจเอล แม็คเฮล พ่อและสามีในครอบครัวสายลับหน้าใหม่ เป็นคุณพ่อที่ยุ่งกับความพยายามทำให้รายการ Spy Hunter ของเขาประสบความสำเร็จ จนเขาเลิกใช้เวลากับครอบครัวไปเลย “วิลเบอร์คิดว่าเขาเป็นนักล่าสายลับเพราะเขาทำหน้าที่นั้นในรายการทีวี แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาของเขาเป็นสายลับและหมาของเขาเป็นหุ่นยนต์น่ะครับ” โรดริเกซตั้งข้อสังเกต “ผมต้องการคนที่สามารถรับบทนั้นได้อย่างน่าขบขันและดูน่ารักพอที่จะทำให้บทนี้ดูน่าเชื่อแต่ก็สนุก ซึ่งคนๆ นั้นคือโจเอลครับ” แม็คเฮลให้ความเห็น “วิลเบอร์เป็นตัวอย่างที่คลาสสิกของคนที่ยุ่งเกินกว่าที่จะได้ดูลูกๆ ของเขาโตขึ้นเพราะเขาอยากจะประสบความสำเร็จเหลือเกิน จนเขามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับครอบครัวตัวเอง” ในขณะที่ผู้กำกับบางคนอาจจะหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับเด็กทารกและสัตว์ แต่มันเป็นสิ่งที่โรดริเกซอยากจะให้อยู่ในโลกของ Spy Kids มานานแล้ว เขากล่าวว่า “ผมคิดเรื่องของเด็กทารกตัวเล็กๆ ที่อาจเป็นสายลับได้เสมอและผมก็ผลักดันไอเดียนี้ไปไกลกว่าเดิม ด้วยความที่ผมเติบโตขึ้นมามีพี่น้องสิบคน เราก็เลยมีเด็กทารกอยู่ในบ้านตลอด และเราก็คิดว่ามันน่าจะทำให้เกิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้ครับ” อาร์โกน็อท (หรือเจ้าหน้าที่หุ่นยนต์ผู้พิทักษ์ล้ำยุค) เป็นไอเดียที่โรดริเกซอยากใส่เข้าไปตั้งแต่ Spy Kids ภาคแรก แต่มันก็มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปในตอนนั้น เขาชอบไอเดียของการที่สุนัขของครอบครัวเป็นฮีโรอย่างน่าประหลาดใจ เขาอธิบายว่า “อาร์โกน็อทเป็นสายลับแอบแฝงที่เป็นหุ่นยนต์ครับ นับตั้งแต่มาริสซามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัววิลสัน เขาก็คอยดูแลเด็กๆ ระหว่างที่พวกเขาเติบโตขึ้นและเขาก็แอบทำหน้าที่อยู่อย่างเงียบๆ เขาเพิ่งเริ่มพูดเมื่อเขาถูกเรียกให้ออกปฏิบัติการครับ” เกอร์เวสพูดถึงการพากย์เสียงอาร์โกน็อทว่า “ไอเดียที่ผมมีมาโดยตลอดคือคนที่มีเสียงเหมือนสายลับอังกฤษ แต่ประชดประชัน รู้ดีไปทุกเรื่องและเบื่อหน่ายพวกเด็กๆ น่ะครับ” โรดริเกซกล่าวกลั้วหัวเราะ “ริคกี้เป็นคนช่างคิด และได้ใส่อะไรต่อมิอะไรมากมายเข้าไปในตัวละคร บทพูดส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นการแอ็ดลิบครับ” สำหรับบทอาร์โกน็อท โรดริเกซเลือกเอลโม สุนัขพันธุ์เทอร์เรียผสม ผู้ได้รับการช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์ โรดริเกซเล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาถูกใจเอลโมว่า “พอคุณนึกถึงหุ่นยนต์สุนัข คุณก็จะจินตนาการถึงพิทบูล แต่ผมอยากได้สิ่งที่ดูตรงกันข้ามกับภาพนั้น ผมอยากได้สุนัขที่จะทำให้คุณหัวเราะทันทีที่คุณมองเขาก่อนที่เขาจะทันทำอะไร เราได้เห็นเอลโม ที่มีฟันยื่น ดูมอซอ และไม่มีพิษสง นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นสุนัขสายลับ การไม่มีพิษสงน่ะครับ” ซูเปอร์วายร้ายกับค่านิยมครอบครัว ไทม์คีพเปอร์ ผู้ลึกลับ โกรธแค้นเคืองโกรธโลกใบนี้ที่ใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย และต้องการจะขโมยมันกลับคืนมา โรดริเกซอธิบายว่า “เขาเป็นตัวละครที่ถูกเข้าใจผิด อดีตของเขาทำให้เขาอ่อนไหวกับคนที่ใช้เวลาอย่างสูญเปล่า เขาเชื่อว่าถ้าเขาย้อนเวลาได้ เขาจะทำสิ่งที่ล้ำค่ากว่าเดิม เขารู้สึกว่าครอบครัวใช้เวลาไปอย่างไม่ฉลาดนัก ดังนั้น เขาก็เลยเป็นซูเปอร์วายร้ายที่มีค่านิยมเรื่องครอบครัวครับ” โรดริเกซอธิบายต่อไปอีกว่า “วายร้ายในหนังของผมไม่เคยเป็นวายร้ายจริงๆ หรอก พวกเขาก็แค่มีมุมมองชีวิตที่แตกต่างออกไป เลยทำให้ถูกเข้าใจผิดมากกว่า พวกเขามีความปรารถนาดี แต่กลับใช้มันในทางที่ผิดน่ะครับ” เจเรมี พิเวนรับหน้าที่ในการรับบทตัวละครหลายตัว พิเวนพูดถึงแดนเจอร์ หัวหน้าเจ้าเสน่ห์ของหน่วย OSS ที่ดูเหมือนจะติดอยู่ในช่องเวลาในฐานะ “เครื่องเตือนให้ระลึกถึงอีกยุคสมัย” พิเวนพูดถึงติ๊กต็อก สมุนจอมเพี้ยนของไทม์คีพเปอร์ว่า “การรับบทนี้สนุกที่สุดเพราะเขาเพี้ยนหลุดโลก เขาย้อนเวลากลับไปมากจนเขาเสียสตินิดๆ น่ะครับ” และพิเวนก็กล่าวถึงไทม์คีพเปอร์ ชายลึกลับที่มีใบหน้าเป็นนาฬิกาคุณปู่ว่า “โดยภายนอกแล้ว เขาเป็นตัวร้ายที่เลวที่สุดเพราะเขามีเครื่องมืออาร์มาเกดอน และกำลังจะหยุดเวลาเพื่อที่เขาจะสามารถกลับไปสู่อดีตได้น่ะครับ” เกี่ยวกับงานสร้าง การหวนคืนสู่ทรับเบิลเมคเกอร์ หลังจากเติบใหญ่ เวก้าเล่าว่าในวันแรกที่เข้ากอง เธอรู้สึกหวั่นใจมากๆ “ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะครั้งสุดท้ายที่ฉันร่วมงานกับโรเบิร์ต ฉันอายุน้อยจนฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องผู้กำกับ/นักแสดงเลย ฉันก็แค่คิดว่าเขาเป็นคนเจ๋งๆ ที่มาบอกฉันว่าจะต้องแสดงซีนนั้นซีนนี้ยังไง” ซาบาราสนุกมากกับการร่วมงานกับเวก้าอีกครั้ง “เราไม่ได้สูญเสียการปะทะคารมแบบพี่น้องแบบที่เรามีกันไปแม้ว่าตอนนี้เราจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตามครับ” เขากล่าว “ในตอนที่ผมกับอเล็กซ์ได้เข้าฉากเป็นครั้งแรก โรเบิร์ตก็ไปอยู่หลังกล้อง แล้วเขาก็เริ่มหัวเราะ เพราะตอนนี้ เรื่องมันกลับตาลปัตรแล้ว ผมสูงกว่าเธอเยอะเลย ซึ่งมันก็น่าพอใจมากๆ ครับ!” เขาหัวเราะ ระหว่างการถ่ายทำ อเล็กซา เวก้าได้สละโสด และผู้ที่เดินส่งตัวเจ้าสาวก็คือโรเบิร์ต โรดริเกซนั่นเอง เธอพูดถึงประสบการณ์ดังกล่าวว่า “ฉันถ่ายทำนานหนึ่งสัปดาห์ แล้วก็บินไปเด๊ดวู้ด, เซาธ์ ดาโกต้า สำหรับงานแต่งงานของฉัน แล้วหลังจากนั้นสองวัน ฉันก็ต้องทำงาน ดังนั้น ฉันก็เลยต้องไปฮันนีมูนในออสติน เธอกล่าวต่ออีกว่า “Spy Kids เป็นส่วนสำคัญในชีวิตฉันเสมอ ฉันโตขึ้นมาที่ทรับเบิลเมคเกอร์ มันก็เลยตลกมากๆ ที่ฉันได้แต่งงานระหว่างถ่ายทำน่ะค่ะ!” เวก้าและซาบาราคอยแนะนำบลองชาร์ดและคุ้ก ส่วนนักแสดงรุ่นเยาว์ก็มองทั้งคู่ว่าเป็นอาจารย์ เวก้ากล่าวว่า “ฉันผูกพันกับพวกเขาได้ในทันทีเพราะซีนแรกของเราคือตอนที่ฉันแนะนำพวกเขาให้รู้จักแผนก Spy Kids ฉันสามารถโชว์ให้พวกเขาดูอุปกรณ์เก่าๆ จากสามภาคแรกได้ เพื่อให้พวกเขาถามคำถามต่างๆ น่ะค่ะ” ซาบาราตั้งข้อสังเกตเมื่อได้ดูนักแสดงรุ่นเยาว์คู่นี้ว่า “ผมสนุกมากเมื่อได้เห็นพวกเขาตื่นเต้นกับการได้อยู่ในกองถ่าย การเห็นพวกเขาวิ่งวุ่นไปมาและเล่นกันเหมือนที่ผมกับอเล็กซาเคยทำเมื่อตอนเราเด็กๆ ทำให้ผมนึกถึงความหลัง มันเหมือนเป็นไทม์แมชชีนเลยครับ” คลังยุทโธปกรณ์ จุดเด่นอย่างหนึ่งของแฟรนไชส์ Spy Kids คือยุทโธปกรณ์ที่มาจากความคิดของโรเบิร์ต โรดริเกซได้เพียงเท่านั้น สำหรับภาคสี่นี้ โรดริเกซได้คิดอุปกรณ์สายลับที่น่าอัศจรรย์ใจ แต่ก็ใช้งานได้สำหรับเด็กๆ พวกนี้ บลองชาร์ดพูดถึงกระเป๋าใส่อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงผ้าคลุมล่องหนว่า “อุปกรณ์ซุ่มโจมตีของรีเบ็คก้าเหมาะกับพลกำลังของเธอเพราะเธอเป็นคนหัวไวและเป็นตัวป่วนค่ะ” คุ้กพูดถึงแฮมเมอร์ แฮนด์ของเขาว่า “ทำให้เซซิลสามารถต่อยกำแพงเป็นรูได้ และรองเท้าบู๊ทสตอมเปอร์ก็ทำให้เขาลอยตัวขึ้นไปในอากาศได้ด้วย” ชายผู้สวมหมวกหลายใบ นักแสดงหลายคนกระโจนเข้าใส่โอกาสที่จะได้ร่วมงานกับโรดริเกซที่ทรับเบิลเมคเกอร์ สตูดิโอส์ บริษัทโปรดักชันที่เขาและอเวลลันร่วมกันก่อตั้งขึ้นในออสติน, เท็กซัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของสเตจและสตูดิโอวิชวล เอฟเฟ็กต์ระดับโลกด้วยเช่นกัน เวก้าพูดถึงชายคนนี้ ผู้เป็นทั้งมือเขียนบท ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพ มือลำดับภาพ คอมโพสเซอร์ และอื่นๆ อีกมากมายว่า “ในหนังเรื่องนี้ เขาสวมหมวกหลายใบเหลือเกิน ดังนั้น เขาก็สามารถเชื่อมโยงและอธิบายเรื่องราวในคุณฟังได้ในแบบที่เขามองเห็นในหัวน่ะค่ะ” พิเวนกล่าวเห็นพ้องด้วยว่า “โรเบิร์ตน่าจะรู้ในสิ่งที่เขาต้องการดีกว่าทุกคนที่ผมเคยร่วมงานด้วย นอกจากนี้ เขายังเปิดกว้างต่อการร่วมมือในทุกรูปแบบ คุณก็แค่ต้องยอมจำนนต่อโลกของเขาเท่านั้นเองครับ” อัลบาให้ความเห็นว่า “เขาสามารถผสมผสานเซนส์ด้านวิชวลของการสร้างบางสิ่งให้ดูเจ๋งสุดๆ และมีสไตล์เก๋ไก๋ แต่ก็สามารถดึงเอาแก่นแท้ของการแสดงของคุณออกมาได้ด้วยเช่นกันค่ะ” เทรโจ ผู้ร่วมงานกับโรดริเกซมาหลายครั้งแล้วกล่าวว่า “กองถ่ายของเขามักจะมีออราที่บอกว่า ‘มาสนุกกันเถอะ มารักงานของเรากันเถอะ’ น่ะครับ แล้วถ้าคุณมองไปรอบๆ ทุกคนก็รักในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ครับ” ความไว้เนื้อเชื่อใจและความนับถือที่โรดริเกซมีต่อทีมงานและนักแสดงของเขามีอิทธิพลต่อนักแสดงของเขาในรูปแบบที่ยั่งยืน พิเวนกล่าวเห็นพ้องด้วยว่า “ผมได้ร่วมงานกับดาริลเล็กน้อยหลังจากที่เขาแสดง Spy Kids จบไป ตอนนั้น เขาเป็นนักแสดงเด็กชื่อดังที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่เขาก็เป็นเด็กที่น่ารัก ผมคิดว่ามันอาจเป็นเพราะโรเบิร์ต ที่เขาเป็นคนติดดิน ซื่อสัตย์ ที่บริหารโลกใบนี้ โดยไม่ใช้อำนาจของเขาในทางที่ผิด ถ้าคุณได้พบเด็กๆ ที่เคยเล่นหนังของเขา แล้วพวกเขาเป็นเด็กดี และน่าสนใจ นั่นก็เป็นเพราะโรเบิร์ตครับ” โรดริเกซกล่าวสรุปถึงอิทธิพลแง่บวกที่ครอบครัวของเขามีต่อเขาและภาพยนตร์ Spy Kids ทั้งสี่ภาคว่า “รีเบ็คก้าเป็นชื่อของแม่ผม และเซซิลก็เป็นชื่อของพ่อผม การตั้งชื่อตัวละครตามชื่อพ่อแม่ผมเป็นการแสดงความคารวะต่อพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจของผมสำหรับหนังเรื่องนี้ และสำหรับแฟรนไชส์นี้ด้วยครับ” แรงบันดาลใจนั้นเองที่ทำให้โรดริเกซสร้างสรรค์การผจญภัยสายลับที่ตระการตาอย่าง SPY KIDS: ALL THE TIME IN THE WORLD IN 4D ขึ้นมาได้ การร่วมแรงร่วมใจของทั้งครอบครัวทำให้ครอบครัววิลสันร่วมมือกันที่จะแย่งชิงเวลากลับมาด้วยแอ็กชัน อารมณ์ขันและความบันเทิง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ