กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
ฟิทช์-กรุงเทพฯ-ลอนดอน : บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด คงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของบริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NPC) ระยะยาวที่ A+(tha) และระยะสั้น F1(tha) และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ ชนิดทยอยคืนเงินต้นของบริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2545 ครบกำหนดไถ่ถอน 2550 มูลค่า 3.0 พันล้านบาท ที่ A+(tha) และแนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสะท้อนถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งของ NPC และการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 38% ผลดีจากการที่มีสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวและสัญญาขายโอเลฟินส์ระยะยาวรองรับ รวมถึงโครงสร้างของราคาวัตถุดิบที่เอื้อประโยชน์ต่อต้นทุนทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ NPC ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีฐานรายได้ส่วนใหญ่ที่อิงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน
NPC ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการผลิตโอเลฟินส์แห่งแรกของประเทศไทย ปตท. เป็นผู้จำหน่ายวัตถุดิบหลักให้กับ NPC ปัจจุบัน NPC มีสัญญาการขายโอเลฟินส์ระยะยาวในสัดส่วนมากกว่า 50% ของกำลังการผลิตกับลูกค้า 4 ราย ซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่องอีกทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นของ NPC จากการที่ NPC เป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบและมีสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวจากปตท.โดยได้กำหนดราคาผันแปรไปตามราคาขายโอเลฟินส์ ทำให้มีข้อได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบลง และยังส่งผลทางอ้อมให้ NPC มีส่วนร่วมในธุรกิจโรงแยกก๊าซของปตท.อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของ NPC ผันแปรตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีค่อนข้างสูง แม้ว่าธุรกิจสาธารณูปการจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของรายได้ แต่ EBITDA ของ NPC ส่วนใหญ่ก็ยังมาจากธุรกิจปิโตรเคมี
การที่ NPC เข้าไปลงทุนในผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ถือว่าเป็นการเพิ่มธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น แต่ NPC ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อุปทานของ HDPE ในประเทศมีมากเกินความต้องการ อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตประกอบกับ NPC ได้ทำสัญญาขายผลิตภัณฑ์ HDPE กับผู้ค้าสากลไว้บางส่วนแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในส่วนนี้ได้ในระดับหนึ่ง ในระยะยาวเชื่อว่า การลงทุนใน HDPE จะช่วยให้มีการใช้โอเลฟินส์ได้อย่างเต็มที่ เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตและเพิ่มเสถียรภาพของกำไรโดยรวม ปัจจุบัน NPC ลงทุนใน HDPE ไปแล้วประมาณ 20% ของมูลค่าโครงการ คาดว่าจะเริ่มทำการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม ปี 2547
สถานะการเงินของ NPC ในปี 2545 ยังคงความแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่า ราคาโอเลฟินส์จะลดลงจากปี 2544 และมีการหยุดการผลิต 68 วัน โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิ ต่อ EBITDA (Net Debt/EBITDA) อยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า เพิ่มจากปีที่แล้ว 0.3 เท่า และอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มเป็น 9.1 เท่าจาก 8.0 เท่าในปีที่แล้วจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ณ สิ้นปี 2545 NPC มีหนี้สินทั้งหมด 5.1พันล้านบาท คาดว่าในปีนี้สัดส่วน Net Debt/EBITDA จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ประมาณ 1.0 เท่า เนื่องจากการลงทุนในโครงการ HDPE อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มราคาปิโตรเคมีที่เริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้นประกอบกับรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ HDPE นั้น Net Debt/EBITDA ของ NPC น่าจะลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า 0.5 เท่าในปี 2547 และอาจจะเป็นศูนย์ในปี 2548
สามารถขอรับรายงานฉบับสมบูรณ์ ที่ www.fitchratings.com หรือ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ติดต่อ
ภิมลภา สิมะโรจน์, ผู้ช่วยกรรมการ, Corporates + 662 655 4761
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ + 662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 'AAA' ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย--จบ--
-ศน-