กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ทริปเปิล เจ คอมมิวนิเคชั่น
ปัจจุบันภัยคุกคามรูปแบบใหม่หรือการก่อการร้ายที่มีความรุนแรงที่ผูกติดมากับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วในทุกภูมิภาคทั่วโลก รูปแบบความรุนแรงใหม่ที่เกิดขึ้นจะมีความซับซ้อน คลุมเครือแฝงไปด้วยการกระทำที่ยากต่อการป้องกันแก้ไข ซึ่งปรากฏการณ์จากภัยคุกคามในรูปใหม่นั้นอาจสร้างผลเสียหายและน่าพรั่นพรึง! และจากการประเมินภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ พบว่าการพัฒนากองทัพของบางประเทศในกลุ่มอาเซียนมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของระบบป้องกันภัยทางอากาศโดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล อีกทั้งจากกระแสข่าวการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ โดยได้รับเทคโนโลยีจากประเทศรัสเซีย และเกาหลีเหนือพร้อมทั้งมีการจัดสร้าง "อุโมงค์ลับ" ตามแนวชายแดนนับร้อยอุโมงค์ ซึ่งอาจเป็นศูนย์บัญชาการทางทหารสำรองหรือใช้เป็นที่เก็บอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน โดยในห้วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศในกลุ่มอาเซียนได้มีการพัฒนากองทัพอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ทำให้อำนาจกำลังรบของไทยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปลี่ยนแปลงไป
หากประเทศไทยไม่มีการเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างทันเวลาก็จะทำให้ประเทศมีความเสี่ยงในด้านความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยรวมอีกด้วย
จากการดำเนินการของกองทัพบกเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกำหนดเป็นแผนระยะยาว 15 ปีในห้วงปี 2554-2568 ที่มีการจัดตั้งพล.ร.7 และพล.ม.3 ซึ่งหากมองลึกลงไปแล้วเป็นการจัดตั้งหน่วยบังคับบัญชาระดับกองพลและกรมของหน่วยทหารราบและหน่วยทหารม้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับบัญชาและอำนวยการสั่งการ ส่วนหน่วยกำลังรบหลักระดับกองพันนั้นจัดตั้งขึ้นใหม่เพียง 2-3 กองพัน นอกจากนั้นเป็นเพียงการปรับโครงสร้างหน่วยและกำลังพลจากหน่วยที่มีอยู่เดิมแล้วเท่านั้น โดยไม่ได้ขยายกำลังมหาศาลอย่างที่หลายฝ่ายนำไปวิพากวิจารณ์ กระทั่งมีกระแสข่าวว่าจะใช้ไปปฏิบัติการอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งการเสริมสร้างปรับปรุงกองทัพครั้งนี้นับว่ามีความสมเหตุสมผล และเป็นการทยอยการจัดตั้งตามแผนระยะยาวไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งบประมาณของชาติเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับความมั่นคงปลอดภัยของชาติในทุกด้านนับว่ามีความเหมาะสมและคุ้มค่าเพียงพอ
หากจะมองถึงการเสริมสร้างปรับปรุงกองทัพบกครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเป็นการป้องปรามภัยคุกคามรูปแบบใหม่ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ”