กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--อาร์ทีบี
“หูฟังบลูทูธ Jabra” ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด รุกเปิดตัวบลูทูธสุดไฮเทค 2 รุ่นใหม่ Jabra Supreme และ Jabra Sport ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้สูงสุดเมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มเดียวกัน ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะ 2 รุ่นใหม่เฉียด 2,000 ยูนิตต่อเดือน ด้วยช่องทางการขายกว่า 1,200 ร้านค้าทั่วประเทศ เชื่อมั่น 3G เป็นแรงหนุนให้ตลาดเติบโตมากขึ้น คาดฟันรายได้สิ้นปี 200 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 70%
ดร. บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้จัดจำหน่ายหูฟังแบรนด์ Jabra แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ Jabra Supreme และ Jabra Sport โดย Jabra Supreme นั้น เน้นเรื่องความอัจฉริยะของหูฟัง และคุณภาพของเสียง เพื่อให้หมดความกังวลในการติดต่องานสำคัญ โดยมิได้เน้นแค่เพียงเรื่องของไมโครโฟนที่มีคุณภาพในการตัดเสียง เหมือนหูฟังบลูทูธทั่วไป แต่ Jabra Supreme ได้ใส่เทคโนโลยี Active Noise Cancellation เข้าไป เพื่อให้ผู้ใช้งาน สามารถได้ยินบทสนทนาได้อย่างชัดเจนแม้ในที่ที่มีเสียงดังรบกวน รวมไปถึงลำโพงขนาดใหญ่ถึง 24 มม. ที่มีระบบ HD Voice เพื่อการได้ยินที่คมชัดที่สุด นอกจากนั้น Jabra Supreme ยังมาพร้อมกับ Voice Pack ซึ่งมีการใช้เสียงในการบอกสถานะต่างๆ ของตัวหูฟัง รวมถึงชื่อของผู้โทรเข้า และสามารถใช้เสียงในการสั่งงานหูฟัง เพื่อรับ/วางสาย เช็คสถานะแบตเตอรี่ หรือเข้าโหมดการจับคู่ได้อีกด้วย
สำหรับ Jabra Sport นั้น สามารถตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รักการออกกำลังกาย และ คนที่ชอบการผจญภัยได้อย่างดี เพราะนอกจากจะออกแบบให้สวมใส่สบายสูงสุดแล้ว Jabra Sport ได้ ผ่านการทดสอบความทนทาน ด้านฝน ฝุ่น และการสั่นสะเทือนตามมาตราฐาน 810G ของกองทัพสหรัฐอเมริกา (US Military 810G Standard) อีกด้วย นอกจากนั้น ยังสามารถฟังวิทยุ FM ในตัวได้อีกด้วย ทำให้ผู้ออกกำลังกายสามารถใช้งานหูฟัง Jabra Sport ได้ทั้งคุยโทรศัพท์ ฟังเพลง หรือฟังวิทยุได้ในตัวเดียว และที่สำคัญ Jabra Sport ได้พัฒนาขึ้นให้ใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นยอดนิยม Endomondo ซึ่ง Jabra Sport จะเป็นหูฟังบลูทูธรุ่นเดียวที่สามารถฟังรายงานการออกกำลังกายจาก Endomondo ได้จากการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น
“ปัจจุบัน การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ และการใช้โทรศัพท์เพื่อความบันเทิง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้กับชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผนวกกับเทรนด์ของการดูแลสุขภาพที่เป็นเรื่องที่ทุกคนหันมาใส่ใจ ซึ่ง Jabra เองก็เล็งเห็นความสำคัญในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ให้สูงสุด โดยออกหูฟังบลูทูธ Jabra Supreme และ Jabra Sport เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และการใช้งาน” ดร.บรรพต กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในการทำการตลาด บริษัทยังคงตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดด้วยการส่งหูฟังบลูทูธสุดไฮเทคที่มีจุดเด่นเหนือหูฟังบลูทูธในตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายของคนรุ่นใหม่ ที่มีความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองทั้งในด้านของการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพ กลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็ยังเน้นการเข้าถึงโดยใช้การสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร เหมือนดังเช่นที่ผ่านมา โดยคราวนี้จะตัวสินค้าเป็นตัวชูโรง เพราะว่าทั้ง Jabra Supreme และ Jabra Sport นั้น มีจุดเด่นที่แตกต่างและเป็นจุดที่จะตอบสนองความต้องการผู้ใช้ได้สูงสุดเมื่อเทียบกับสินค้าในเซ็กเมนท์เดียวกัน นอกจากนั้นเราจะใช้สื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญที่สุด ช่องการทางจำหน่ายของบริษัทมีกว่า 1,200 ร้านค้าทั่วประเทศ ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่เหนือคู่แข่งทั้งหมด โดยยอดจำหน่าย 2 รุ่นนี้ บริษัทตั้งเป้าจำหน่ายรุ่น Jabra Sport 1,000 ยูนิต ต่อเดือน ส่วนรุ่น Jabra Supreme ตั้งเป้าไว้ 800 ยูนิตต่อเดือน
ดร.บรรพตกล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมตลาด เนื่องจากการเติบโตที่ต่อเนื่องและรวดเร็วของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่างๆ ทำให้ตลาดหูฟังบลูทูธมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหูฟังบลูทูธที่เป็นสเตอริโอ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากจะใช้คุยโทรศัพท์แล้ว ลูกค้ายังใช้หูฟังบลูทูธในแง่ของความบันเทิงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ฟังวิทยุผ่ายแอพพลิเคชั่นต่างๆ ส่วนในตลาดหูฟังที่เป็นโมโน กลุ่มลูกค้าจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพเสียงมากขึ้น เพราะการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อสื่อสารนั้นมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรา และ กลุ่มผู้ใช้โดยเฉพาะในประเทศไทยนั้น จะต้องการหูฟังที่ใช้กับโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นฟีชเจอร์พื้นฐานสำหรับหูฟังบลูทูธแล้ว (เมื่อก่อนจะต้องเป็นรุ่นไฮเอนเท่านั้น)
ส่วนตลาดไอทีและทิศทางหูฟังบลูทูธครึ่งปีหลังนี้ มองว่าจะเติบโตไปพร้อมกับกระแส 3G ซึ่งตอนนี้ กลุ่มผู้ให้บริการด้านเครือข่ายทุกค่าย กำลังโปรโมทบริการ 3G เต็มที่ ซึ่งจะทำให้ตลาด สมาร์ทโฟน แท๊บเล็ต โตขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะแท๊บเล็ต ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันสมาร์ทโฟน และ แท๊บเล็ต หรือที่เรียกรวมๆ ได้ว่า Smart Device ถูกใช้ในการโทรศัพท์ อีเมล์ ถ่ายรูป แชท ฟังเพลง ดูหนัง นำทาง อาจจะดูเหมือนมีประโยชน์มากแล้ว แต่ในอนาคตประโยชน์ของสมาร์ทโฟนจะตามมาอีกมหาศาล จะมีแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ซึ่งช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น เช่น ช่วยเป็นรีโมทคอนโทรล อุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน, ช่วยในการดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย, ช่วยในการหาข้อมูล ข่าวสารที่ต้องการอย่างเร่งด่วน, ช่วยในการนำเที่ยวต่างประเทศ และช่วยเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ไปกับเราได้ทุกที่ (E-book) เป็นต้น แล้วในการที่จะใช้ประโยชน์สมาร์ทดีไวซ์เหล่านี้ ก็อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมประเภทไร้สายมากขึ้น ดังนั้นถ้าหากมองเทรนด์ของหูฟังบลูทูธ อาจจะเติบโตเพียงเล็กน้อย (10 — 15%) แต่ถ้ามองเทรนด์ของอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งหมด การเติบโตในอนาคตจะเป็นไปได้สูง แต่ก็ขึ้นกับ application ที่จะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด เช่น ชุด ลำโพงไร้สาย (Handsfree/Bluetooth speaker) น่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อย่างไรก็ตามสำหรับปัจจัยการเมืองและน้ำท่วม ไม่มีผลกระทบต่อเรามากนัก เนื่องจากยอดขายของJabra นั้นจะอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ซึ่งยังไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมมากนัก ผลกระทบจึงยังไม่มาถึง แต่ว่าเราก็เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าเราน่าจะมียอดขายมากกว่า 200 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 70% จากปีที่ผ่านมา” ดร.บรรพต กล่าวปิดท้าย