กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--กรมส่งเสริมการส่งออก
พร้อมเดินหน้าเจาะตลาดใหม่ที่มีปริมาณความต้องการและกำลังซื้อสูง ด้วยนวัตกรรมแห่งความสะดวกสบายที่ช่วยระดับคุณภาพชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพบกับมหกรรมสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าจากผู้ประกอบการชั้นนำทั่วเอเชีย ระหว่าง 12 - 16 ตุลาคมนี้
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวการจัดสุดยอดมหกรรมแสดงสินค้า “BANGKOK RHVAC 2011 AND BANGKOK E&E 2011” งานแสดงเครื่องเย็น อุปกรณ์ทำความร้อนระบบระบายอากาศและเครื่องปรับอากาศ และงานแสดงเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 ตุลาคม ศกนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแสดงศักยภาพ มาตรฐานของสินค้าไทย พร้อมส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นและเครื่องใช้ไฟ้ฟ้าสินค้าระดับภูมิภาค ณ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปริมาณการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งสวนกระแสกับสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมในด้านดังกล่าวของไทยได้เป็นอย่างดี
“ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นกว่า 11,588 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.1 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งประเทศ ส่วนการส่งออกสินค้าเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบของไทยใน 6 เดือนแรกมีมูลค่า 2,279 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยขยายตัวถึงร้อยละ 28.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.98 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งประเทศ โดยมีกลุ่มประเทศอย่าง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย นอกจากนี้กลุ่มประเทศในอาเซียนก็ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวและปริมาณความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งยืนยันถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดังกล่าวในระดับภูมิภาคที่เป็นที่ยอมรับทั้งคุณภาพการผลิต และสินค้าที่มีมาตรฐาน โดยการจัดมหกรรมแสดงสินค้า BANGKOK RHVAC 2011 AND BANGKOK E&E 2011 ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งในและต่างประเทศร่วมงานและแสดงพลังของไทยและภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ กว่า 200 ราย ผ่านการแสดงสินค้า กว่า 800 คูหา ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ใหญ่งานหนึ่งของภูมิภาค ที่รวมผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย กลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ ตลอดจนผู้อุปโภคบริโภค และจะเป็นอีกช่องทางสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างให้ไทยเป็นที่รู้จักพร้อมสร้างความเชื่อมั่นในความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์” นางนันทวัลย์ กล่าว
นายไพรัตน์ เอื้อชูยศ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เครื่องปรับอากาศที่ผลิตจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่ทั่วโลกให้การยอมรับและมีความต้องการในตลาดสูงขึ้น โดยมีประเทศคู่ค้าสำคัญอย่าง กลุ่มประเทศในแถบตะวันออกกลางและตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยในการจัดงานปีนี้ ทางกลุ่มฯ จะเน้นนำเสนอความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมสีเขียวภายใต้แนวคิดการจัดงาน “Green Innovation for the Better Life” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้มนุษย์มีความสุขร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
“สำหรับในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสนวัตกรรมใหม่ของเครื่องปรับอากาศที่เรียกว่า “Cassette type” เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้การติดตั้งและถอดล้างแอร์ฟิลเตอร์ทำได้สะดวกด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันก็ได้นำเทคโนโลยีสีเขียวหรือ Green Innovation มาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทำงานของผลิตภัณฑ์เพื่อร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี Inverter มาใช้ร่วมกับระบบปรับอากาศ VRV และ VRF ให้ช่วยประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การสัมมนา ในหัวข้อ “บ้านสีเขียว” โดยจัดแสดงบ้านต้นแบบที่ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน การเสวนาความรู้เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาและการทำความสะอาด เพื่อสร้างการมีส่วนรวมอนุรักษ์พลังงานในระดับครัวเรือน และกิจกรรมไฮไลท์ของงานกับการประกวดค้นหาสุดยอดช่างแอร์ 2011 ที่มีความสามารถในการติดตั้งและซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศ และไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำก็จะนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมล่าสุดของตนเองที่จะช่วยยกระดับคุณภาพและความสบายแก่ชีวิตอีกด้วย” นายไพรัตน์ กล่าว
ด้านนายฐยณัณ พรพิทักษ์ชัยกุล รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สายงานพัฒนาส่งออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถึงแม้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยจะมีปริมาณความต้องการสูงขึ้นในตลาด แต่กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้ายังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดการยอมรับในคุณภาพสินค้าจากนานาชาติทั้งในส่วนของตลาดหลักและตลาดใหม่ที่กำลังการซื้อสูง
“เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากประเทศไทยมีความโดดเด่นในด้านความทนทานและการออกแบบสามารถครองใจผู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นที่นิยมอันดับต้นในท้องตลาดแล้ว เราก็ยังใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ประหยัดพลังงานสูงสุด ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีสีเขียว จนได้รับการตอบรับที่ดีจากประเทศคู่ค้า ทั้งตลาดหลัก เช่น ยุโรป อเมริกา และตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงอย่าง กลุ่มอาเซียน โดยในการจัดงานปีนี้จะมุ่งนำเสนอในคอนเซปต์ Save Energy = Save The World ซึ่งผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมที่มาพร้อมกับการลดการใช้พลังงาน ตั้งแต่อุปกรณ์การใช้งานภายในครัวเรือนไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ พร้อมมหกรรมสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับนานาชาติ และกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ที่น่าสนใจ เช่น การสัมมนาในหัวข้อ “Factory of the Future for Thailand 2011” และ “Environmental Directive in Electrical and Electronics Industry” ที่จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในระบบการผลิตของภาคอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพสู่
ความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติอย่างทัดเทียม” นายฐยณัณ กล่าว
อนึ่ง งาน BANGKOK RHVAC 2011 กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Green Innovations for the Better Life” สื่อถึงการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เน้นรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับคุณภาพชีวิตที่สะดวกสบายอีกขั้น โดยพบกับนวัตกรรมเพื่อชีวิตยุคใหม่ของอุตสาหกรรมเครื่องเย็นและเครื่องทำความร้อน ที่ได้รับการสร้างสรรค์และพัฒนาอย่างเป็นมิตรกับธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีสีเขียว ในขณะที่งาน Bangkok Electric & Electronics 2011 จัดขึ้นด้วยแนวคิด “Save Energy = Save the World” เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีชั้นนำแห่งโลกอนาคตของอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรักษ์โลกสีเขียวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการจัดแสดงสินค้านานาประเภทจากผู้ประกอบการชั้นนำทั่วเอเชียกว่า 200 ราย ที่นำสินค้ามาจัดแสดงไว้ในงานเดียวกว่า 800 คูหา เพื่อรองรับผู้เข้าเยี่ยมชมจากทั่วโลกกว่า 30,000 คน ตลอดการจัดงาน
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงาน โดยแบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ ระหว่างวันที่ 12 - 14 ตุลาคม 2554 และวันค้าปลีก ในวันที่ 15 - 16 ตุลาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 10.00 — 18.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.thaitradefair.com