กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ไทยเทรดดอทคอม
การตลาดออนไลน์ (online-marketing) หรือ การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketing) ในปัจจุบันนั้น เป็นการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นทั้งข้อมูลและภาพเคลื่อนไหว มาผสมผสานกับกิจกรรมและวิธีการทางการตลาดอย่างลงตัวกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของแต่ละองค์กร โดยทั่วไปการทำการตลาด E-Marketing จะมีส่วนที่สำคัญดังนี้
1. เป็นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในลักษณะเฉพาะเจาะจง (Niche Market)
2. เป็นลักษณะเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2 Way Communication)
3. เป็นรูปแบบการตลาดแบบตัวต่อตัว (One to One Marketing หรือ Personalize Marketing) ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถกำหนดรูปแบบสินค้าและบริการได้ตามความต้องการของตนเอง
4. มีการกระจายไปยังกลุ่มผู้บริโภค (Dispersion of Consumer)
5. เป็นกิจกรรมที่นักการตลาดสามารถสื่อสารไปยังทั่วทุกมุมโลก ตลอด 24 ชั่วโมง (24 Business Hours)
6. สามารถติดต่อสื่อสาร โต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว (Quick Response)
7. มีต้นทุนต่ำแต่ได้ประสิทธิผล สามารถวัดผลได้ทันที (Low Cost and Efficiency)
8. มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมการตลาดแบบดั้งเดิม (Relate to Traditional Marketing)
9. มีการตัดสินใจในการซื้อจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ (Purchase by Information)
โดย E-Marketing ได้ผสมผสานแนวความคิดทางการตลาด และทางเทคนิคไว้ด้วยกัน ทั้งด้าน การออกแบบ (Design) , การพัฒนา (Development) , การโฆษณาและการขาย (Advertising and Sales) เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจและลูกค้า เนื่องจากระบบทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถสนับสนุนการร้องขอข้อมูลของลูกค้า การจัดเก็บประวัติ และพฤติกรรมของลูกค้าเอาไว้ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ส่งผลต่อ การเพิ่มและรักษาฐานลูกค้า (Customer Acquisition and Retention) และอำนวยประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอย่างครบถ้วน
ในขณะที่ การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) จะมีรูปแบบที่แตกต่างจาก E-Marketing อย่างชัดเจน โดยการตลาดแบบดั้งเดิมนั้นจะมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย จะไม่เน้นทำกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และมักจะใช้วิธี การแบ่งส่วนตลาด (Marketing Segmentation) โดย ใช้เกณฑ์สภาพประชากรศาสตร์ หรือสภาพภูมิศาสตร์ และสามารถครอบคลุมได้บางพื้นที่ ในขณะที่ถ้าเป็น E-Marketing จะสามารถครอบคลุมได้ทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ธุรกิจต่างๆ จึงได้ให้ความสนใจกับอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก รวมถึงได้มีการนำเอาแนวคิด E-Marketing มาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ซึ่งความสำคัญของการตลาดออนไลน์นี้ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์และวางแผนรองรับไว้อย่างรอบด้านแล้ว และหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือการสร้างเว็บไซต์ไทยเทรดดอทคอม (www.thaitrade.com) ที่เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ เป็นการนำจุดเด่นด้านออฟไลน์ของกรมส่งเสริมการส่งออก ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ มาผนวกกับการตลาดเพื่อสนับสนุนการส่งออกแบบออนไลน์ ทำให้สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการไทย ที่สนใจนำสินค้าของตนเองมาทำการตลาดผ่านระบบอีคอมเมิร์ซสู่ตลาดโลก ด้วยทีมงานมืออาชีพและฐานข้อมูลพร้อมคำปรึกษาที่จะคอยดูแลและช่วยบริหารเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชี่ยวชาญด้านไอที เพราะระบบถูกสร้างเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายดาย
ทั้งนี้กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้วางแผนงานที่จะให้กรมส่งเสริมการส่งออกนำ www.thaitrade.com เป็นพันธมิตรกับองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำการค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย พันธวณิช ของไทย ธนาคารและสถาบันทางการเงินต่างๆ อี-เบย์ (E-bay) ของสหรัฐ ราคุเทน (Rakuten) ของญี่ปุ่น และอาลีบาบาดอทคอม (Alibaba.com) ของจีน ฯลฯ ที่มีฐานข้อมูลผู้ซื้อออนไลน์จำนวนมหาศาล หรือมีบริการที่เกื้อกูลกับการใช้งาน E- Marketplace และอำนวยความสะดวกแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ในขณะที่ ไทยเทรดดอทคอมมีจุดเด่นที่ฐานข้อมูลผู้ส่งออกที่มีคุณภาพ และผ่านการคัดกรองจากกรมฯเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ประกอบการผู้สนใจ สามารถสมัครเข้ามาใช้บริการได้ฟรีผ่านทางหน้าเว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2685-1169 อีเมล์ : ecommerce@depthai.go.th และ ecommerce.dep@gmail.com