กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการนำร่องการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างสภาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ และผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการนำร่องการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ในวันอังคารที่ 27 กันยายน 2554 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโฟร์ซีซั่น ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ
ดร. นริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯในวันนี้ สืบเนื่องจากการที่พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่สัญญาในการทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินต่างๆ โดยให้สิทธิกับประชาชนหรือผู้บริโภคในการเลือกที่จะมีคนกลางทำหน้าที่ดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาดูแลผลประโยชน์ ซึ่งผู้ที่จะมาทำหน้าที่คนกลางภายใต้กฎหมายนี้ คือ สถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์จากคณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ ทั้งนี้ ได้มีการส่งเสริมให้มีการใช้กฎหมายดังกล่าวในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ เพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความเสี่ยงจากการกระทำผิดสัญญาของคู่สัญญา ลดข้อร้องเรียนและข้อพิพาทเกี่ยวกับการผิดสัญญาซื้อขายที่อยู่อาศัย สร้างความมั่นใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้มีมาตรฐานเดียวกันและการขยายตัวของธุรกิจประเภทนี้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักและยังไม่ได้มีการนำไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างแพร่หลาย คณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ในฐานะผู้กำกับดูแลกฎหมายจึงเห็นพ้องให้มีการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์พระราชบัญญัติฯ นี้ เพื่อสร้างการรับรู้แก่สาธารณชน (Public Awareness) โดยการดำเนินการต่างๆ อาทิ การจัดสัมมนาให้ความรู้ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อประสัมพันธ์ประเภทต่างๆ รวมถึงการริเริ่มโครงการนำร่องการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการดำเนินธุรกิจตาม
กฎหมายนี้อย่างเป็นรูปธรรม และถือเป็นโครงการนำร่องหรือโครงการต้นแบบแก่สถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตฯ และแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ อันเป็นที่มาของพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้กฎหมายว่าด้วยการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการต้นแบบหรือโมเดล (Model) ในการนำร่องการนำกฎหมายนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ นอกจากนี้ โครงการนำร่องยังสามารถสะท้อนหรือให้ข้อเท็จจริงหากเกิดปัญหาจากการใช้กฎหมาย ซึ่งอาจต้องมีการพิจารณาแก้ไขปัญหา รวมทั้งแก้ไขกฎหรือระเบียบให้สอดคล้องกับการปฏิบัติที่แท้จริงต่อไป
สำหรับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง การประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 และร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย สถาบันการเงิน 1 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 6 แห่ง ได้แก่ (1) บริษัท กานดาเดคคอร์ จำกัด (2) บริษัท เฉลิมนคร จำกัด (3) บริษัท ซื่อตรง กรุ๊ป จำกัด (4) บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ (6) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
สำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 02-273-9020 ต่อ 3698