กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงยุติธรรม เร่งพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาฯ พิจารณากรณี “น้องตุ้ย” เหยื่อคนเมายาบ้า จ่าย 120,000 บาท ส่วนกรณีเด็กนักเรียนบ้านคา บาดเจ็บได้รับค่ าตอบแทน รายละ 30,000 บาท
รศ.ธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหลายหน่วยงาน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ กรมพระธรรมนูญ กรมบัญชีกลาง นักวิชาการ ได้พิจารณาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหายที่ยื่นคำร้องมายังสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พิจารณาแล้วในเบื้องต้น จำนวน 68 ราย ปรากฎว่ามีผู้เสียหายยื่นคำขอค่าตอบแทนฯเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา จำนวน 6 ราย ที่ประชุมจึงยกคำขอรับดังกล่าว ส่วนผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์จ่ายเงินค่าตอบแทน มีจำนวน 13 เรื่อง แบ่งเป็นกรณีที่ผู้เสียหายเสียชีวิต 8 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังมีชีวิตอยู่ 5 ราย โดยผู้เสียหายซึ่งเสียชีวิตนั้นมีกรณีของนางสาวจิตรา ร่วมเจริญชัย หรือน้องตุ้ย นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ถูกคนร้ายเมายาบ้าจับเป็นตัวประกันและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตเมื่อปี 2544 ด้วย ซึ่งในกรณีน้องตุ้ย ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท และค่าปลงศพ 20,000 บาท รวม 120,000 บาท
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจาณาการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากคดีอาญาแต่ไม่ถึงกับเสียชีวิตจำนวน 5 ราย ซึ่งในกรณีนี้มีนักเรียนจากโรงเรียนบ้านคาวิทยา จังหวัดราชบุรีที่ได้รับบาดเจ็บจากคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่รถยนต์รับส่งนักเรียน 2 ราย คือ นางสาวปิยะมาศ พากเพียร และนายสาธิต มั่นใจ จะได้รับค่าตอบแทนความเสียหายอันเกิดจาก เหตุการณ์ดังกล่าว รายละ 30,000 บาท ส่วนการพิจารณาจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญานั้นประธานในที่ประชุมจะนัดคณะกรรมการฯ หารืออีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
สำหรับความคืบหน้าของการพิจารณากฎกระทรวงนั้น รศ.ธงทอง กล่าวว่าขณะนี้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรมได้ลงนามในร่างกฎกระทรวงเรียบร้อยแล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการรอลงนามของรมว.คลังจึงจะสามารถประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาได้--จบ--
-นห-