กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--กระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงาน เปิดศูนย์อำนวยการยกระดับรายได้ 300 บาท เพื่อติดตามและประมวลผลการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300บาทตามนโยบายของรัฐบาลพร้อมสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัดเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการยกระดับรายได้ 300 บาท ณ อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 ในวันนี้(3 ต.ค.54) ว่า ศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูล ประมูลผล วิเคราะห์และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ ตั้งแต่ระดับคณะอนุกรรมการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดจนถึงคณะกรรมการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกลางของประเทศ นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษา รับฟังปัญหา และให้ความช่วยเหลือแก่สถานประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำมาตรการต่างๆที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายลงไปดำเนินการในพื้นที่ให้แต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยให้สำนักงานแรงงานจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดจะประสานตำแหน่งงานว่างไว้รองรับ สำนักงานสวัสดิการสังคมจะติดตามตรวจเยี่ยมให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการ ส่วนสำนักงานประกันสังคมจะเตรียมมาตรการรองรับให้ความสนับสนุนช่วยเหลือ
นายเผดิมชัยฯ กล่าวอีกว่า จากข้อสรุปของการประชุมอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัดที่ผ่านมา ภาพรวมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายขึ้นค่าจ้าง 40%และ300 บาทในคราวเดียวมีจำนวนถึง 48 จังหวัดอีก 23จังหวัดปรับขึ้นไม่ถึง 40%อยู่ระหว่าง20-35% ส่วนที่เหลือยังไม่มีการประชุมและยังไม่มีมติ โดยบุรีรัมย์มีมติให้ขึ้นค่าจ้างสูงสุดถึง 83.7% คือจากเดิม 166 บาทเป็น 300 บาท รองลงมาคือมุกดาหารมีมติให้ขึ้น 81.8%คือจากเดิม 165เป็น300 บาท สำหรับจังหวัดชัยภูมิ ปราจีนบุรี หนองบัวลำภูและพัทลุงมีมติ ให้ขึ้นมากกว่า 40%
สำหรับในส่วนของมาตรการการช่วยเหลือจากรัฐบาลนั้น กระทรวงการคลังได้ให้การยกเว้นภาษีจากการขายเครื่องจักรเก่า สนับสนุนแหล่งเงินทุน และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 23 ส่วนกระทรวงแรงงานจะจัดอบรมให้กับแรงงานใหม่ 60,000 คนและแรงงานในสถานประกอบการอีก2.4 แสนคน โดยนายจ้างสามารถนำค่าใช้จ่ายจากส่วนนี้ไปหักลดหย่อนภาษีตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 ได้ถึง 200 % ซึ่งมาตรการการช่วยเหลือของรัฐบาลสอดคล้องกับข้อเสนอแนะและความต้องการของสถานประกอบการทั้งสิ้นโดยนอกจากนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทางกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการสำรวจผลกระทบในรายจังหวัด เพื่อนำผลที่ได้มาวิเคราะห์และนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป
สำนักเลขานุการรัฐมนตรีแรงงาน
โทร02-245-5801 โทรสาร 02-643-4457