อธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่เผยคัมภีร์ 4 ประการ กับแนวทางการใช้ภารกิจกรมธนารักษ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ข่าวทั่วไป Monday October 10, 2011 09:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมธนารักษ์เผยแนวทางการใช้ภารกิจกรมธนารักษ์ขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นด้วยหลัก 4 ประการ คือด้านที่ดินราชพัสดุนำไปพัฒนาเพิ่มมูลค่าจากการเช่าหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์เน้นประเมินราคาที่เป็นธรรมและสะท้อนราคาตลาด ด้านเหรียญกษาปณ์จะนำหลักเศรษฐศาสตร์มาใช้ในการคาดการณ์การผลิตและความต้องการใช้เหรียญรวมทั้งต้นทุนการผลิตให้ต่ำกว่าเดิมตลอดจนแผนสนับสนุนให้ใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นสุดท้ายด้านทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศให้มากขึ้นจะผลักดันโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน นายนริศ ชัยสูตรอธิบดีกรมธนารักษ์ได้เปิดเผยถึงแนวทางในการทำงานในฐานะเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ว่าขณะนี้มีความกังวลถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยจากเศรษฐกิจภาคต่างประเทศมีสูงขึ้นเนื่องจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯ ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในทางลบทำให้ความต้องการด้านการส่งออกของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนดังนั้น เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศทดแทนภาคต่างประเทศตนเองในฐานะที่ดูแลกรมธนารักษ์ จะปรับปรุงบทบาทของกรมธนารักษ์เพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้นด้วยวิธี4 ประการ (1)ในฐานะที่กรมธนารักษ์เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตที่สำคัญของประเทศนั่นคือที่ดินราชพัสดุกว่า 12.5 ล้านไร่ ดังนั้นจะเน้นให้ความสำคัญในการบริหารที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการนำที่ดินที่เหมาะสมมาสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจสูงทั้งในแง่ที่ให้เอกชนเช่าเพื่อการผลิตหรือทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจการพัฒนาที่ดินส่วนกลางเพื่อเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นการสร้างทุนทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งและการพัฒนาให้เกิดการสร้างกิจกรรมผ่านการลงทุนของบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์โดยเชื่อว่าถ้ามีการเลือกพื้นที่ได้เหมาะสมและเร่งกระบวนให้เกิดการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวจะทำให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ที่ดินสูงขึ้นซึ่งจะเป็นรายได้โดยตรงจากกรมธนารักษ์คืนให้รัฐบาลรวมทั้งการผลิตและจ้างงานสูงขึ้นยังส่งผลแก่รายได้รัฐบาลทางอ้อมจากการเพิ่มขึ้นของภาษีรายได้นิติบุคคลภาษีรายได้บุคคลธรรมดาและรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย (2) การกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ที่ดิน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง อาคารชุด เพื่อเป็นฐานการใช้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้นจะเน้นภารกิจที่จะนำไปสู่ราคาที่เป็นธรรมหรือราคาที่สะท้อนราคาตลาดให้มากที่สุดเพราะการตีราคาที่ดินที่ต่ำกว่าความเป็นจริงนำมาซึ่งการใช้ที่ดินที่สูญเปล่า แต่การตีราคาสูงเกินไปเป็นการเสียประโยชน์ที่ควรจะได้จากที่ดิน ดังนั้นจะกำกับกระบวนการกำหนดราคาของกรมธนารักษ์ให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพและมีความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นไปอีก (3)เรื่องการผลิตเหรียญกษาปณ์และบริหารเงินตราจะนำหลักเศรษฐศาสตร์เข้ามาใช้ในการคาดการณ์ปริมาณจำนวนและการผลิตเหรียญให้ตรงกับความต้องการการใช้เหรียญให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้การใช้จ่ายในเศรษฐกิจเกิดการสะดุดหรือการทำให้ข้าวของแพงขึ้นจากการที่ขาดปริมาณของเหรียญราคาต่ำเนื่องจากมีแนวโน้มว่าเหรียญที่มีมูลค่าต่ำจะหายจากตลาดเพราะมูลค่าโลหะที่ใช้ในการผลิตเหรียญมีราคาใกล้เคียงหรือมากกว่าราคาหน้าเหรียญซึ่งทางแก้ปัญหานี้คงต้องหาวิธีผลิตเหรียญโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำลงไปอีกและต้องสนับสนุนให้มีการใช้บัตรเครดิตมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่เกินอำนาจของกรมธนารักษ์แต่จะประสานกับสำนักเศรษฐกิจการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกบัตรเครดิตเพื่อให้ได้ออกกติกาหรือกฎเกณฑ์ที่สนับสนุนการการใช้บัตรเครดิตได้มากขึ้นและถ้าทำสำเร็จจะเป็นการกระตุ้นหรือหล่อลื่นระบบเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง (4)การอนุรักษ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน โดยเฉพาะโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินและโครงการจัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินระบบเสมือนจริง จะมีการผลักดันโครงการนี้ให้มีความชัดเจนและเกิดขึ้นให้ได้เนื่องจากการสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการวัฒนธรรมเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเพราะพิพิธภัณฑ์ที่ดีจะเป็นแรงดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้มาประเทศไทยหรือใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยมากขึ้นซึ่งเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศอีกทาง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ