กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--บีโอไอ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ย้ำไทยติด 1 ใน 4 ครัวของโลก พร้อมเตรียมรุกธุรกิจอาหารไทยสำเร็จรูป (Ready to Eat) ในญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ส่วนการส่งออกผักผลไม้ไปจีนปีนี้คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มเท่าตัวอันเป็นผลมาจากการค้าเสรีผักผลไม้ไทยจีน ส่วนการเพาะปลูกในประเทศเพื่อนบ้านกำลังไปได้สวย โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวโพด ซึ่งในอนาคตจะสามารถทดแทนการนำเข้าจาก ละตินอเมริกา
นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานกรรมการผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยภายหลังการบรรยายในหัวข้อ "ประเทศไทย: ครัวของโลก" ในงานเอเปค อินเวสท์เม้นท์ มาร์ท 2003 ว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 4 ของประเทศที่เป็นครัวของโลกแล้ว เพราะไทยมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน อาทิ สภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีการผลิตและการบริหารจัดการที่ทันสมัย ความคิดสร้างสรรค์ในการแปรรูปสินค้าเกษตรใหม่ๆ
" สภาพอากาศของไทยระหว่างฤดูร้อนและหนาวไม่มีความแตกต่างกันมากนัก จึงทำให้สามารถเพาะปลูกพืชผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์ได้ทั้งปี นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและนำการบริหารจัดการที่ทันสมัยมาใช้ ซึ่งช่วยให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าเกษตรไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ "
นายมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ซีพีกำลังจะขยายสาขาร้านอาหารชื่อว่าไทยไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่นำอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งมาอุ่นพร้อมรับประทานได้ทันที โดยจะ เปิดสาขาร้านอาหารไทยไทยในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และหลายประเทศในยุโรป ซึ่งขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาออกใบอนุญาตแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจทำร้านอาหารไทยไทยในต่างประเทศ" ร้านอาหารไทยไทยเป็นการนำแนวคิดของร้านอาหารฟาสฟู้ดส์มาใช้ แต่อาหารไทยเหล่านี้จะมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยจะมีเมนูต่างๆ มากมาย อาทิ ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ แกงเขียวหวานไก่ มัสมั่น ผัดไทย เป็นต้น ขณะนี้มีร้านอาหารไทยไทยในต่างประเทศแล้วหนึ่งแห่งที่ นครเซี่ยงไฮ้ "
สำหรับการส่งออกผักผลไม้ของไทยไปจีน หลังจากข้อตกลงการค้าเสรีผักผลไม้ไทยจีน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนเพิ่มสูงขึ้นถึงเท่าตัวภายในปีนี้ เพราะที่ผ่านมาการส่งออกผลไม้ไปจีนโดยตรงมีเพียงการส่งไปที่กวางเจา แต่จากนี้ไปจะสามารถส่งไปได้หลาย 10 เมือง ประกอบกับผลไม้ของไทยและจีนมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะจีนไม่สามารถปลูกผลไม้เมืองร้อนเหมือนไทยได้ ทำให้ผลไม้ไทยได้รับความนิยมจากคนจีนอย่างมาก โดยเฉพาะส้มโอ ทุเรียน ลำไย
ส่วนธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้นกำลังไปได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวโพดในเวียดนาม ลาว เขมร พม่า และถั่วเหลืองในพม่าซึ่งนับรวมแล้ว มีปริมาณหลายพันตัน ซึ่งในอนาคตคาดว่าปริมาณที่นำเข้าข้าวโพดและถั่วเหลืองจากประเทศเพื่อนบ้านจะทดแทนการนำเข้าจากประเทศแถบละตินอเมริกา--จบ--
-รก-