กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--บีโอไอ
จีน มั่นใจศักยภาพของประเทศ พร้อมเปิดรับการลงทุนจากทั่วโลก ย้ำรัฐบาลจีนยังเปิดเสรีในธุรกิจบริการสาขาต่างๆ อาทิ การเงิน ประกันภัย ท่องเที่ยว ขนส่ง ให้ต่างชาติเข้าไปลงทุน ด้านมณฑลยูนานพร้อมเป็นประตูการค้าไทย-จีน
นายยีเฉียวฉวน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการบรรยายในหัวข้อ "Improve the Investment Environment, Enhance the Investment Cooperation" หรือ "ปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน สร้างเสริมความร่วมมือทางการลงทุน" ในงานสัมมนาเอเปค อินเวสท์เม้นท์ มาร์ท ว่าประเทศจีนประสบผลสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปัจจุบัน จีนถือเป็นประเทศที่รองรับการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยนับถึงเดือนกันยายน 2546 มีโครงการได้รับอนุมัติการลงทุนไปแล้วจำนวน 907.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และลงทุนไปแล้วจำนวน 488.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แม้เมื่อต้นปี 2546 จะมีการระบาดของโรคซาร์ส นักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในประเทศจีน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2546 มีโตรงการที่ได้รับอนุมัติมูลค่า 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2545 ขณะเดียวกันรัฐวิสาหกิจและบริษัทจีนได้เริ่มไปลงทุนในต่างประเทศ นับถึงเดือนกันยายน 2546 ได้ไปลงทุนต่างประเทศแล้วเป็นเงิน 10.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยลงทุนในกลุ่มเอเปค 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายยีเฉียวฉวน กล่าวต่อว่า นโยบายของจีนในปัจจุบัน จะเน้นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน โดยปรับปรุงกฎหมาย ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยองค์การการค้าโลก นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเปิดเสรีในธุรกิจบริการสาขาต่างๆ เช่น บริการทางการเงิน ประกันภัย ท่องเที่ยว ค้าปลีก บริการขนส่ง ฯลฯ ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน พร้อมกันนี้ยังให้การสนับสนุนเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนของต่างชาติในธุรกิจไฮเทค เช่น เซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้ว เช่น สิ่งทอ
ด้านนายกู้หยู่ฉาง ผู้อำนวยการการค้าชายแดน กระทรวงการค้าประเทศจีน ได้บรรยายในหัวข้อ "Investment Advantage & Opportunities in Yunnan" หรือ "ความได้เปรียบและโอกาสการลงทุนในมณฑลยูนนาน" ว่า ปัจจุบันการลงทุนจากต่างประเทศในมณฑลยูนนานมีจำนวน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยลงทุนมากเป็นอันดับ 5 คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 54 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในธุรกิจอาหาร เกษตร โรงแรม ไฟฟ้า ฯลฯ
"การลงทุนในมณฑลยูนนานจะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลใน 2 ปีแรก และระหว่างปีที่ 3 ถึงปีที่ 5 จะเสียในอัตราเพียง 15% จากนั้นจึงค่อยเสียในอัตราปกติ นอกจากนี้ หากตั้งกิจการในพื้นที่พิเศษที่รัฐกำหนด คือ State Development Zone จะเสียภาษีเงินได้ในอัตรา 15% ตลอดไป"
นายกู้หยู่ฉาง กล่าวต่อว่า สิ่งที่ประเทศจีนต้องทำต่อไปคือ การพัฒนาใน 3 อุตสาหกรรมหลัก คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้าน Logistic เน้นการขนส่ง การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และอุตสาหกรรมทั่วไป การลงทุนในจีน โดยเฉพาะในยูนานยังจะให้การสนับสนุนทุกๆ อุตสาหกรรม อยู่ที่นักลงทุนจะมีความถนัดในด้านไหน นอกจากในบางอุตสาหกรรมที่แต่ละมณฑลไม่ได้ให้การส่งเสริม สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่จีนตั้งเป้าหมายจะให้การสนับสนุน คือ แร่ การท่องเที่ยว พลังงานน้ำ ยาสูบ
ขณะนี้ประเทศจีนจะเน้นนโยบายการให้บริการและการแก้ปัญหาแก่นักลงทุน เน้นความโปร่งใส ความแม่นยำ ตรงต่อเวลา โดยจะจัดตั้งเป็นศูนย์ One-Stop Service เพื่อให้บริการอย่างครบวงจร--จบ--
-สพ-