กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เห็นพระเอกหนุ่มเจ้าของลักยิ้มทรงเสน่ห์เล่นบทคอเมดี้มาหลายเรื่องแล้ว สำหรับ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” มาคราวนี้ได้เวลาเปลี่ยนคาแรกเตอร์มาเป็นหนุ่มนักดนตรีมาดขรึมขี้วีน ที่แสนจะหยิ่งยโสกับบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า เรื่องใหม่ “The Melody รักทำนองนี้” ของค่าย สหมงคลฟิล์มฯ ซึ่งครั้งนี้ได้หนุ่ม “แดน วรเวช ดานุวงศ์” (รับบทเป็นวิน) และนางเอกสาวหน้าใสอย่าง “ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร” (รับบทเป็นหมอก) มาประกบคู่กันครั้งแรกในเรื่องราวความรักของ “วิน-หมอก” 2 นักดนตรีที่มีความสามารถ วินนักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดสุด ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆบนภูเขาสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ หมอก นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิต คือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไขว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนอง และเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการแสดงของแดน วรเวช ที่ต้องมารับบทที่เรียกว่าพลิกแบบไม่เหลือคราบเดิมทั้งฉุนเฉียวสุดๆ และหวานแบบสุดๆ ในเรื่องเดียว แตกต่างจากตัวจริงที่เป็นหนุ่มอารมณ์ดี โรแมนติก บทเจ้าอารมณ์ขี้หงุดหงิดก็เลยถือว่าเป็นบทบาทที่ใหม่แหวกแนว แต่นอกจากบทเจ้าอารมณ์ที่ว่าต้องปรับตัวกันใหม่แล้ว บทสวีทหวานก็เป็นอีกแนวนึงที่เรียกเหงื่อจากหนุ่มแดนได้ไม่น้อยเหมือนกัน
“ (แดน วรเวช) เป็นครั้งแรกในเลยครับสำหรับการมาเล่นบทที่ไม่เหมือนตัวเอง มันยากดีครับเพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีน ต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนที่เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไม่พอใจไปหมด เห็นเด็กก็ไม่ชอบ เห็นนั่นนี่ก็ไม่พอใจ แล้วชีวิตมันจะมีความสุขได้ยังไงครับ แต่แตกต่างจากตัวเราจริงๆ เลย ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่บวก ชอบเล่นกับเด็กตลกดี มาเล่นเรื่องนี้ทุกอย่างแทบจะแตกต่างจากตัวผมโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกๆ ที่เข้าฉากพี่โอ๊คผู้กำกับต้องคอยบอกว่า “เฮ้ยแดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อย” คือบางทีผมก็ตั้งใจมาขรึมนะวันนี้ หน้าผมอาจจะดูตลกไปหน่อย หรือไม่คนก็ยังจำภาพแต่ผมเล่นทะเล้นอยู่ ช่วงแรกก็ทำการบ้านหนักพอสมควรครับ
หลักๆ เลยคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ครับ ต้องพยายามอย่าอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า ตัววินเขาไม่ชอบสิ่งนี้นะ เราต้องอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างนี้ ก่อนผู้กำกับจะสั่งแอคชั่นมันต้องคิดให้ได้ก่อน เพราะโดยปรกติเวลาผมไปเล่นละครทีวี ผมก็จะไม่ค่อยได้ตั้งสติเท่าไหร่ จะปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามเรื่องเรื่อยๆ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ในเนื้อเรื่องให้ได้ครับ ส่วนบทที่ต้องเล่นกับนางเอกเข้าฉากที่อยู่กันสองคนแบบมีความสุขก็มีเยอะครับ เรื่องเขินอายไม่ค่อยมีหรอกครับเพราะเราก็ทำไปตามบทบาทการแสดง แต่มีบางทีก็ทำเอาเหงื่อแตกได้เหมือนกัน มันไม่ใช่อะไรหรอกครับคือมันยิ้มกันจนเหงือกแห้ง บางทีก็มีแบบยิ้มไม่ออกแล้วเมื่อยแก้มแล้ว แต่ต้องเกร็งยิ้มไว้จนกว่าผู้กำกับจะสั่งคัทกลัวว่าเดี๋ยวยิ้มมากลักยิ้มจะทำเอาเล่นติดทะเล้นอีก ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันทั้ง 2 แบบเลยครับ”