10 หนุ่ม “Men’s Health Guys’ Challenge 2011” พิสูจน์ความฟิต บุกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สัตหีบ

ข่าวทั่วไป Tuesday October 11, 2011 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--พับบลิค ฮิต 10 หนุ่ม “Men’s Health Guys’ Challenge 2011” พิสูจน์ความฟิต บุกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สัตหีบ ร่วมกิจกรรมบูธแคมป์ ทดสอบความเป็นผู้นำ และความอดทน ก่อนขึ้นเวทีชิงชัย 21 ต.ค.นี้ บทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของความเป็นลูกผู้ชายที่นิยมทำกันมากที่สุดทางหนึ่งคือ การฝึกทหาร ใครเฟิร์ม ใครไม่ฟิต เป็นอันรู้กัน และภารกิจที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของ 10 หนุ่มผู้เข้ารอบสุดท้ายการประกวด Men’s Health Guys’ Challenge ซึ่งจัดโดย นิตยสาร Men’s Health ประเทศไทย นิตยสารสำหรับคนรักสุขภาพและการออกกำลังกาย คือ การเข้าแคมป์ “MARINE COMBAT” หรือ Boot Camp Training ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สัตหีบ เพื่อฝึกความเป็นผู้นำ ทดสอบความอดทน ความสามัคคี การทำงานเป็นทีม แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อ ย่างดี โดย 10 หนุ่มหล่อ ที่ต้องมาร่วมผจญภัยในครั้งนี้ด้วยกัน ได้แก่ เจ-ณฐเดช อภิรักษ์กุลวงศ์, ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี, นิค-ภัทรพล กสิกิจวรกุล, โอเล่-รัตนสกุล พลอยพรหมมาศ, เอกซ์-จ.ส.อ. อิทธิพล หวานดี, กร-กนธร ปราณีประชาชน, มิล-ศรุต นวประดิษฐกุล, ธี-ธีระ พัฒนศักดิกุล, บุตร-ศริบุตร สุขุมภาณุเมศร์ และ ไปป์-ปรเมษฐ์ ยิ้มละมัย บทเรียนแรกสำหรับหนุ่มๆ เริ่มขึ้นทันทีเมื่อรถตู้ที่นั่งมา เคลื่อนมาจอดตรงชายหาด บริเวณ มารีน รีสอร์ท จากนั้นมีบุคคลในชุดลายพรางหลายคน มาล้อมรถแล้วตะโกนไล่ให้ทุกคนลงมารวมตัวกันบริเวณชายหาด ถอดเสื้อ แล้ววิ่งลงทะเลให้น้ำมิดหัว จากนั้นขึ้นมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นทราย เมื่อเรียกความตื่นตัวจากทุกคนได้แล้ว การฝึกอย่างจริงจังก็เริ่มขึ้น มีทั้งให้แบ่งทีมฝั่งละ 5 คน ช่วยกันแบกซุงวิ่งแข่งกัน ใครถึงธงก่อนชนะ แม้จะดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิดเนื่องจากน้ำหนักของท่อนซุงค่อนข้างมาก ถ้าไม่เฉลี่ยการคานน้ำหนักให้ดี บางคนในทีมจะต้องรับน้ำหนักมากกว่าเพื่อน, แข่งเดินตะขาบ โดยทุกคนนั่งลงแล้วใช้ขาเกี่ยวเอวคนข้างหน้าต่อๆ กันไปเรื่อยๆ แล้วยกตัวเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน โดยไม่ให้หลุดจากกัน ซึ่งต้องใช้แรงมาก จากนั้นมีการนำผ้ามาปิดตาทั้ง 10 หนุ่ม แล้วให้นอนเคลื่อนตัว คลำทางไปเรื่อยๆ ผ่านทราย ผ่านน้ำ กรวดหิน โดยให้คนที่อยู่หน้าสุดคอยให้เสียงเพื่อให้เพื่อนตามมาถูกทาง เมื่อมีเสียงประทัดดังขึ้น ทุกคนจะรับรู้จากการฝึกแล้วว่าให้หมอบตัวหลบทันที ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมานั้นคือจุดใด สกปรกแค่ไหน คิดเพียงแค่ว่าต้องผ่านไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ให้ได้ หลังจากจบขั้นตอนการฝึกแบบหนักๆ ไปแล้ว ก็มาผ่อนคลายกับกิจกรรมสันทนาการ ร้องเพลง เต้นท่าฮาๆ เรียกเสียงหัวเราะกันบ้าง โดยมีบรรดาผู้ฝึกเป็นต้นแบบสอนท่าก่อน แล้วให้หนุ่มๆ เต้นตาม รวมทั้งกิจกรรมเข้ากลุ่มสัมพันธ์ ที่ให้ทุกคนทำความรู้จักกันอย่างเจาะลึกยิ่งขึ้น เมื่อหมดภารกิจในภาคเช้า ก็ได้เวลาพักทานข้าว แต่ทานแบบไม่ธรรมดาเพราะทั้งหมดต้องลงไปนั่งทานในทะเล ต้องคอยนั่งๆ ลุกๆ หลบคลื่นที่ซัดมา เป็นที่สนุกสนานกันไปตามๆ กัน สำหรับในภาคบ่าย เป็นเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติทางทะเล ด้วยการให้ 10 หนุ่ม ร่วมกันปลูกปะการัง เนื่องจาก ปัจจุบันสภาวะแวดล้อมถูกทำลายลงไปมาก โดยมีมนุษย์เป็นสาเหตุสำคัญ จึงได้เกิดโครงการอนุรักษ์ปะการังตามแนวชายฝั่ง ขึ้นที่อ่าวนาวิกโยธินซึ่งเริ่มดำเนินการมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว โดยบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่ปะการังเจริญเติบโตได้ดีเพราะไม่ มีโรงงานอุตสาหกรรมน้ำทะเลจึงสะอาด และมีน้ำหมุนเวียนไหลผ่านตลอด หากมีปะการังอุดมสมบูรณ์ จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ไม่เพียงแต่ให้ความใส่ใจในเรื่องปะการังเท่านั้น ในวันต่อมา หนุ่มๆ ทั้งหลายยังมีโอกาสมาเยือน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ซึ่งเป็นแหล่งให้ความรู้ทางด้านชีววิทยา เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล เพื่อเกิดความรู้สึกหวงแหนในทรัพยากรเต่าทะเลของไทย หลังจากฟังบรรยายจบแล้ว วิทยากรยังได้นำชม โรงอนุบาลเต่า และเปิดโอกาสให้ทั้ง 10 หนุ่ม ได้ทำการปล่อยเต่าคืนสู่ท้องทะเลด้วย ปัจจุบันเต่าทะเลในพื้นที่อ่าวไทยเหลือน้อย ชายหาดและเกาะที่ยังพบเป็นแหล่งวางไข่ตามธรรมชาติของสม่ำเสมอทุกปี เหลือเพียงเกาะบริเวณอ่าวสัตหีบ ซึ่งอยู่ในเขตรักษาความปลอดภัยของทหารเรือที่สำคัญได้แก่ เกาะคราม เกาะอีร้า และเกาะจาน จังหวัดชลบุรี วงจรชีวิตของเต่าตัวเมียที่สามารถวางไข่ได้ จะมีช่วงอายุ 15-20 ปี เมื่อวางไข่บนชายหาดแล้วจะใช้เวลาฟักตัว 60-65 วัน จากนั้นจะนำลูกเต่ามาดูแลที่โรงอนุบาลเพื่อให้มีร่างกายเจริญ เติบโตแข็งแรง ก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเลในภายหลัง ในแต่ละปีจะมีการปล่อยเต่าสู่ท้องทะเล 5,000 — 10,000 ตัว โดยจัดให้มีวันปล่อยเต่าในสองวันสำคัญคือ วันแม่ 12 สิงหาคม และ วันพ่อ 5 ธันวาคม เมื่อผ่านศึกหนักในการทดสอบความเป็นลูกผู้ชายมาครบถ้วนทุกกระบวนการแล้ว หนุ่มๆ แต่ละคนคงมีมุมมองความคิดที่กว้างขึ้น เพราะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งในเรื่องการฝึกความอดทน การทำงานเป็นทีม มิตรภาพที่มีค่า ตลอดจนการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปได้เป็นอย่างดี ธี-ธีระ พัฒนศักดิกุล หนึ่งในผู้ประกวด ซึ่งได้รับเสียงโหวตจากทีมงานว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติภารกิจได้ดีในการเข้าร่วมบูธแคมป์ในครั้งนี้ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ไม่คิดว่าตนเองจะได้ เพราะทำกิจกรรมไปตามปกติไม่ได้เด่นกว่าใคร และเพื่อนทุกคนก็ทำเต็มที่เหมือนกัน “วันแรกพอมาถึง มารีน รีสอร์ท ก็โดนพี่ๆ ทหารล้อมรถ สั่งให้พวกผมลงจากรถ เราไม่ทันตั้งตัวเพราะไม่คิดว่าจะโดนต้อนรับเร็วขนาดนี้ แต่พอตั้งสติได้ก็พร้อมรับมือเต็มที่ ไม่รู้สึกเหนื่อยตอนโดนฝึกแต่เจ็บตามตัวบ้างเพราะโดนหินขูด เข่าถลอก ตอนที่พี่ทหารเอาผ้าปิดตาแล้วให้เราคลานผ่านจุดต่างๆ เราไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน จินตนาการเอาเองเป็นโคลนมีน้ำเน่า แต่พอเปิดตาออกมาปรากฏว่าเป็นธารน้ำมีทรายธรรมดา ที่เราเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้เอง “สิ่งที่เขาจัดให้เราฝึกปฏิบัติหลายๆ ด่าน ถึงแม้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มก็ตาม แต่ทุกด่านต้องใช้ความสามัคคี ถ้าไม่ช่วยกันจะไม่สามารถผ่านได้เลย อย่างการแบกเรือยางถ้าคนแรกไม่ยก เรือก็คว่ำ คนกลางไม่ยกเรือก็หนัก ทุกคนต้องช่วยกัน อย่างผมถึงจะตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะเราไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทำกันเป็นกลุ่มครับ ผมรู้สึกประทับใจเพื่อนทุกคนมา กที่ช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เน้นเอาชนะอย่างเดียว ส่วนสิ่งที่ได้รับในทุกๆ ด่าน คือ สอนการเป็นผู้นำ คิดการวางแผนที่ดี ถ้าเราไม่มีความเป็นผู้นำ ความสำเร็จก็จะไม่เกิดครับ” ธี กล่าว ทางด้านผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ ก็มีความประทับใจในแต่ละกิจกรรมแตกต่างกันไปอย่าง กร-กนธร หมอหนุ่มจากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว สมุทรสาคร กล่าวถึงกิจกรรมการปลูกปะการังว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะปัจจุบันปะการังถูกทำลายไปมากทั้งจากน้ำมือนักท่องเที่ยว และจากภัยธรรมชาติด้วยกันเอง การช่วยกันปลูกเพื่อเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ควรร่วมมือกัน “มีหลายครั้งที่ผมเคยไปดำน้ำดูปะการังที่ทะเล แต่ไม่เคยปลูกปะการังเลย ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาทำกิจกรรมแบบนี้ มาเรียนรู้วิธีการปลูก คือ นำแปลงพีวีซีที่เชื่อมต่อกันเป็นกรอบสี่เหลี่ยม แบ่งเป็น 3 แถว แถวหนึ่งมีช่องใส่ท่อพีวีซีอันเล็กๆ ที่ใส่กิ่งปะการัง 3 ช่อง นำมาใส่ทรายแห้งแล้วเขย่าให้ทั่วลำท่อทั้งแผง นำหน่อปะการังเล็กๆ จากแปลงอนุบาลที่ใช้ขยายพันธุ์ มาปักในท่อพีวีซี ยึดด้วยน็อตให้แน่น นำไปใส่ในแปลงพีวีซีที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงนั่งเรือนำปะการังไปปลูกใต้ท้องทะเลต่อไป ปกติเราจะเป็นฝ่ายดูอย่างเดียว คราวนี้ได้ลงมือปลูกเอง รู้สึกภูมิใจมากครับ” โอเล่-รัตนสกุล หนุ่มเซอร์มาดเข้ม ที่เพิ่งมีโอกาสมารับความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเลเป็นครั้งแรก ที่ศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล เห็นว่าโครงการนี้มีความสำคัญเพราะเป็นการช่วยอนุรักษ์เต่าให้รอดชีวิตจากการถูกทำลายด้วยปัจจัยต่างๆ โอกาสที่จะสูญพันธุ์ก็ลดน้อยลง “จากที่ได้รับฟังวิทยากรบรรยายให้ฟัง ทำให้รู้ว่าเต่าทะเลถูกทำร้ายหลายทางมาก โดยเฉพาะจากมนุษย์ที่ไปสร้างสิ่งก่อสร้าง หรือวางร่มวางที่นั่งตามชายหาด ซึ่งเป็นการรบกวนสถานที่วางไข่ของเต่า หรือการนำกระดองไปทำเครื่องประดับ ทำให้สัตว์ชนิดนี้มีจำนวนลดน้อยลง ทางกองทัพเรือจึงต้องมีการดูแลตั้งแต่ช่วงแม่เต่าวางไข่ การฟักไข่ การอนุบาลลูกเต่าตัวน้อย จนกระทั่งโตถึงวัยที่เหมาะสมจึงทำการปล่อยลงสู่ทะเลซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงของเขา ผมอยากขอเชิญชวนทุกท่านที่อยากมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์ชีวิตของเต่าเหล่านี้ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการมาชมมาสัมผัสกับชีวิตของเต่าที่ศูนย์แห่งนี้ก็ได้ จะทำให้ทุกคนเห็นคุณค่าของชีวิตเต่ามากขึ้นครับ” ส่วน บุตร-ศริบุตร อีกหนึ่งหนุ่มที่บอกว่าสนุกกับการมาบูธแคมป์ครั้งนี้มาก ก่อนที่จะมาก็มีการเตรียมใจไว้ล่วงหน้าบ้างว่าจะเจออะไรบ้าง เพราะรู้ว่าต้องฝึกทหาร แต่เมื่อได้มาสัมผัสจริงๆ กลับพบว่าได้รับประสบการณ์ดีๆ มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนๆ “ในวันแรกที่มาถึง แล้วโดนพี่ๆ ทหารมาล้อมรถ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นตกใจนิดหน่อยเพราะผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน คือ เขาจะจุดประทัดเหมือนเป็นระเบิด แล้วตะโกนให้เราลงไปจากรถ ไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่ริมทะเล เหนื่อยเหมือนกัน แต่ชอบครับ ตอนแรกคิดว่าจะเจอการฝึกหนักกว่านี้ แต่พอโดนจริงๆ ก็พอไหวอยู่ ที่สำคัญมีเพื่อนที่ดีคอยช่วยเหลือกันในทุกกิจกรรม ผมว่าเป็นการทดสอบจิตใจอย่างหนึ่งว่าเวลาเจออะไรเหนื่อยๆ หนักๆ จะมีใครเห็นแก่ตัวหรือไม่ ผมภูมิใจมากที่เพื่อนผมอีก 9 คนไม่มีใครเห็นแก่ตัวเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมากครับ” สำหรับ เอกซ์-จ.ส.อ. อิทธิพล ก็มีสิ่งที่ประทับใจที่สุดในครั้งนี้เช่นกัน คือ เพื่อนๆ ทุกคน ร่วมมือกันดีมาก รักกัน ไม่เกี่ยงในการทำกิจกรรม ทีมที่แข่งชนะก็มาช่วยทีมที่ยังไม่ชนะ ไม่ได้นั่งดูเฉยๆ ส่วนเหตุการณ์ที่ชอบมากที่สุดคือ ช่วงที่พักทานข้าวแล้วครูฝึกสั่งให้ทั้ง 10 หนุ่มไปนั่งกินข้าวในทะเล โดยมีน้ำท่วมอยู่ครึ่งตัว แม้เป็นมื้อที่กินยากลำบากแต่กลับได้รสชาติที่สุดสำหรับเขา “ผมว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางที่จะไปนั่งทานข้าวแบบนี้บ่อยๆ แน่ ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ มันยากตรงที่คลื่นสูงมาก พอเรานั่งในน้ำก็เกือบท่วมตัวอยู่แล้ว ถ้าเรามัวแต่กินไม่ได้ระวังอะไรเลย คลื่นก็จะซัดน้ำมาลงในกล่องข้าว แล้วเราต้องกินให้หมดห้ามเหลือ ถึงเค็มแต่ก็อร่อยมากเพราะมีเพื่อนๆ นั่งกินอยู่ข้างๆ เราอีก 9 คน ใครกินไม่หมดเพื่อนๆ ก็มาช่วยก ัน สุดยอดเลยครับ” กิจกรรม Boot Camp ถือเป็นการทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงในอีกมุมหนึ่งของ หนุ่มหล่อผู้เข้าประกวด Men’s Health Guys’ Challenge 2011 ได้เป็นอย่างดี ร่วมสัมผัสและติดตามกิจกรรมต่างๆ ของทั้ง 10 หนุ่มได้ทางนิตยสารเมนส์เฮลธ์ Men’s Health ตั้งแต่ฉบับเดือนกรกฎาคม — ธันวาคม 2554, http://menshealth.truelife.com และ True Vision67 ในรายการ Food&Health Gang ทุกวันเสาร์ 4 โมงเย็น ใครจะเป็นหนุ่มในฝันคนต่อไปของสาวๆ เตรียมนับถอยหลังกันได้ กับการชิงชัย Men’s Health Guys’ Challenge 2011 วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม นี้
แท็ก E 20  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ