กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
พร้อมย้ำยังสามารถรับมือกับปริมาณน้ำในขณะนี้ได้ แต่หากมีการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มอาจส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่เขตมีนบุรี คลองสามวา หนองจอก ลาดกระบัง วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจ กทม. ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และเตรียมการป้องกันและให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่เขตคลองสามวา ประกอบด้วย ชุมชนสุขสันต์พัฒนา 120 ครัวเรือน ชุมชนพร้อมใจพัฒนา 120 ครัวเรือน ชุมชนมีนทองพัฒนา 100 ครัวเรือน ชุมชนสุขสำราญพัฒนา 50 ครัวเรือน และชุมชนราษฎร์นิมิตสัมพันธ์ 80 ครัวเรือน รวมถึงแนะแนวทางรับมือและปรับวิถีชีวิตในสภาวะฉุกเฉิน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันกรมชลประทานได้ระบายน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มจากปกติอีก 220 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากน้ำในเขื่อนมีปริมาณมากจำเป็นต้องระบายออก ทั้งนี้ หากยังระบายน้ำในระดับนี้กรุงเทพมหานครยังสามารถรับมือกับปริมาณน้ำได้และพื้นที่ 4 เขต ทางฝั่งตะวันออก ได้แก่ คลองสามวา มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง จะได้รับผลกระทบไม่มาก แต่หากมีการระบายน้ำมากกว่านี้อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 4 เขตได้ ซึ่งการระบายน้ำจำเป็นต้องใช้เวลา 3 — 4 สัปดาห์ขึ้นไป อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจ เพราะกรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิดตลอดเวลา พร้อมทั้งเตรียมการป้องกันและรับมือเหตุน้ำท่วมอย่างเต็มที่ ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้รองปลัดกรุงเทพมหานคร 4 คน ประกอบด้วย นายทวีศักดิ์ เดชเดโช ดูแลพื้นที่เขตคลองสามวา นายสมภพ ระงบทุกข์ ดูแลพื้นที่เขตมีนบุรี นายจุมพล สำเภาพล ดูแลพื้นที่เขตหนองจอก และนายพีระพงษ์ สายเชื้อ ดูแลพื้นที่เขตลาดกระบัง แบบตัวต่อตัวอย่างแข็งขัน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนได้รับการช่วยเหลือ บรรเทา และเดือดร้อนน้อยที่สุด