กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--กระทรวงพลังงาน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในระหว่างการประชุมของ Heads of ASEAN Power Utilities/ Authorities (HAPUA) ว่า โครงการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าอาเชียน หรือ อาเชียน เพาเวอร์ กริด เป็นโครงการสำคัญ ที่จะช่วยให้ภูมิภาคอาเซียนมีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า ในปัจจุบันภูมิภาคอาเชียนเป็นเขตเศรษฐกิจที่ได้รับการสนใจจากนานาประเทศ เพราะมีจีดีพีรวมกันสูงถึง 1.164 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราเติบโตประมาณร้อยละ 6 ต่อปี โดยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2546 ประมาณ 50,267 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มเป็น 120,970 เมกะวัตต์ในปี 2558 ขณะที่มีการบริโภคพลังงาน 337,061 GWh ในปี 2546 และเพิ่มเป็น 826,112 GWh ในปี 2558
ขณะที่ความต้องการพลังงานมีเพิ่มขึ้นทุกปี แต่อาเชียนก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องแหล่งเชื้อเพลิงและการลงทุนของแต่ละประเทศ ดังนั้นหากกลุ่มประเทศอาเชียนต้องการเป็นเครือข่ายทางเศรษฐกิจที่มีความสามารถในการแข่งขัน และสามารถดึงดูดการลงทุนจากภูมิภาคอื่นๆ จึงต้องมีความร่วมมือกันพัฒนาและสร้างความมั่นคงในระดับไฟฟ้าซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจและสังคม
รัฐมนตรีพลังงาน กล่าวว่า โครงการอาเชียน เพาเวอร์ กริด จะก่อให้เกิดการบริหารการใช้ทรัพยากรในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภูมิภาค โดยจะทำให้ภูมิภาคได้รับประโยชน์จากการใช้พลังงานต้นทุนต่ำ และมีปริมาณสำรองเพียงพอ อันจะนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานและการมีความสามารถในการแข่งขันในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การที่โครงการฯ จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือและสนับสนุนอย่างจริงจังจากประเทศสมาชิก ในการผลักดันให้โครงการเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยได้เริ่มการเชื่อมต่อสายส่งไฟฟ้าไปกับประเทศมาเลเซีย รวมทั้งยังมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลและกลุ่มประเทศ GMS ได้แก่ ประเทศไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ที่จะเชื่อมโยงด้านการค้าและพลังงาน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการร่วมมือระดับอื่นๆต่อไป
"ตอนนี้เราต่างอยู่ในยุคของการแข่งขัน เราจะช้าอีกไม่ได้แล้ว การประชุมวันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำด้านพลังงานมาร่วมหารือกัน เพื่อทำงานและจัดตั้งแนวทางที่จะนำไปสู่ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมที่จะสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่งให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมด"--จบ--
-รก-