"กระทรวงพลังงาน ดีเดย์ ปลายม.ค. 47 เชิญนายก ทักษิณ" เปิดเขตฟรีโซน สีชัง ศรีราชา

ข่าวทั่วไป Friday December 26, 2003 14:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--กระทรวงพลังงาน
กระทรวงพลังงาน ดีเดย์ ปลายม.ค. 47 เชิญนายก”ทักษิณ”เปิดเขตฟรีโซน สีชัง ศรีราชา มั่นใจแบ่งผู้ค้า ผู้ซื้อน้ำมัน เบียดสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางตลาดน้ำมันในภูมิภาค
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค ซึ่งอยู่ในยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงาน จะสัมฤทธิ์ผลอย่างชัดเจนในปี 2547 นี้
โดยในช่วงปลายเดือนมกราคม พตท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเกาะสีชัง ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นประธานในการเปิดเขตปลอดอากร รองรับการจัดให้เป็นพื้นที่ยกเว้นภาษีสรรพสามิตและศุลกากร และร่วมตรวจดูพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือ คลังน้ำมัน และสิ่งจำเป็นในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางค้าน้ำมัน รวมทั้งจะมีการศึกษาแนวทางการแก้กฏระเบียบต่าง ๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ค้าและผู้ซื้อน้ำมัน เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในการพัฒนาพื้นที่เกาะสีชัง ศรีราชา กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องภายหลังการประชุมยุทธศาสตร์พลังงาน เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2546 ที่ผ่านมา โดยขั้นตอนแรก กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่รับผิดชอบเช่น กรมเจ้าท่า กรมธุรกิจพลังงาน ได้ดำเนินการในการสร้างจุดรับน้ำมัน ถังและท่อส่งน้ำมัน รวมทั้งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ได้ประสานงานให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างเกาะสีชังและศรีราชา
ขั้นตอนที่ 2 แนวทางการสร้างมูลค่าจากคลังน้ำมัน และท่าเรือ เพื่อประโยชน์ในการนำเข้าน้ำมัน โดยจะดำเนินการต่อท่อจากโรงกลั่น ARC ที่จังหวัดระยอง ต่อมายังคลังศรีราชา ขั้นตอนที่ 3 ให้มีการแก้ไขระเบียบรองรับการจัดพื้นที่ปลอดอากรอย่างสะดวก โดยกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร แก้ไขกฎระเบียบภาษีสรรพสามิตและศุลกากร ให้มีการผสมน้ำมันในคลังต่าง ๆ ได้ และอำนวยความสะดวกในเขตปลอดภาษี ให้แข่งขันกับประเทศสิงคโปร์ได้ และขั้นตอนที่ 4 จะจัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จในการขอใบอนุญาติประกอบกิจกรรมการค้าน้ำมัน และมีการจัดสร้างท่อส่งน้ำมันจากสระบุรีไปสู่ลำปาง และสร้างคลังน้ำมัน ที่ จ. ลำปางเพื่อบรรทุกต่อไปยังประเทศจีน
ซึ่งกระทรวงพลังงานมั่นใจว่า แนวทางการพัฒนาเกาะสีชัง ศรีราชาดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทย สามารถแข่งขันหรือเทียบเคียงกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในด้านน้ำมัน เนื่องจากขณะนี้มีประเทศที่สนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ทั้งในส่วนของประเทศผู้ค้าน้ำมันทางตะวันออกกลาง เช่น โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรต์ และกลุ่มประเทศผู้ซื้อน้ำมัน ทางเอเซีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
“ขณะนี้ ยืนยันได้ว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการก้าวสู่ประเทศผู้เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันในภูมิภาคแล้ว หลังจากที่ได้เดินทางไปประเทศโอมาน พบว่า ทางกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันในตะวันออกกลาง สนใจที่เข้ามาร่วมลงทุนโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างมาก ร่วมทั้งมีความยินดีที่จะร่วมศึกษาโครงการ ซึ่งเกี่ยวกับการพัฒนาให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค นับเป็นการเยือนที่ประสบผลสำเร็จเกินคาด”นายแพทย์พรหมินทร์กล่าว--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ