เตือนหน้าหนาวระวังภูมิแพ้จาก "ไรฝุ่น" ระบุสมุนไพรไทยกำจัดได้เกือบ 100%

ข่าวทั่วไป Monday January 5, 2004 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--สกว.
นักวิจัยเตือนคนเป็นภูมิแพ้ให้ระวังอากาศแห้งช่วงหน้าหนาว เพราะอาจเกิดอาการแพ้ผงฝุ่นที่เกิดจากมูลของแมลงตัวจิ๋วที่มีชื่อว่า "ไรฝุ่น" ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก โดย "ห้องนอน" คือแหล่งเพาะพันธุ์ไรฝุ่นที่ดีที่สุด และที่นอนยิ่งเก่ายิ่งมีไรฝุ่นเยอะ แนะให้จัดห้องให้แสงส่องถึง นำเครื่องนอนไปซักและตากเป็นประจำ ขณะที่ผลวิจัยเบื้องต้นพบสมุนไพรว่านน้ำ และหางไหลขาว มีฤทธิ์กำจัดไรฝุ่นได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
ลมหนาวและไอเย็นที่พัดผ่านเข้ามาในช่วงนี้ นับเป็นสัญญาณของการเดินทางท่องเที่ยวและการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาเยือนได้ดีทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้นั้นคงต้องระวังตัวอย่างมากทีเดียวสำหรับช่วงที่อากาศแห้ง ก่อให้เกิดการจับตัวของผงฝุ่นละอองได้มากเช่นนี้
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ นับเป็นโรคยอดฮิตที่คนไทยกำลังเผชิญในขณะนี้ เนื่องจากการสำรวจพบว่ามีอัตราผู้ป่วยโรคภูมิแพ้สูงมากถึง 3,600 ล้านคน และกว่า 80% ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีสาเหตุมาจากการสูดสารก่อภูมิแพ้จำพวกผงฝุ่นที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศหรือเกาะอยู่ตามวัสดุต่างๆเข้าไป ซึ่งหนึ่งในวายร้ายตัวสำคัญเหล่านั้นคือมูลที่เกิดจากการขับถ่ายของเจ้า "ไรฝุ่น" นั่นเอง
ไรฝุ่น เป็นสัตว์ที่ถูกจัดอยู่ในจำพวกเดียวกับแมลงและแมง เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากพบมีขนาดเฉลี่ยเพียง 0.3 มิลลิเมตรเท่านั้น ชอบอาศัยอยู่ในช่วงอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 75-80 % มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเศษขี้ไคล ขี้รังแค สะเก็ดผิวหนังเป็นอาหาร ซึ่งพบว่าเศษผิวหนังเพียง 1 กรัมนั้นสามารถเลี้ยงไรฝุ่นได้ 1,000,000 ตัวนานถึง 1 สัปดาห์ทีเดียว
ดร. อำมร อินทร์สังข์ ภาควิชาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญกับสุขภาพของมนุษย์มาก เนื่องจากเป็นแหล่งสำคัญที่ทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ โดยสารก่อภูมิแพ้หลักที่ไรฝุ่นสามารถผลิตออกได้มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ group I allergens พบมากในมูลของไรฝุ่น และ group II allergens พบได้มากในผนังลำตัว ซึ่งสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้จะถูกย่อยและขับออกมาให้อยู่ในรูปมูลของไรฝุ่นซึ่งมีขนาดเล็กเพียง 10-40 mm.
เนื่องจากมูลของไรฝุ่นมีขนาดเล็กมาก จึงสามารถลอยปะปนอยู่ในอากาศ อีกทั้งจากการศึกษาพบว่าไรฝุ่นกว่า 90-100% ชอบอาศัยอยู่ตามเตียงนอน หมอน ผ้าห่ม และ70-95%พบตามเฟอร์นิเจอร์ที่บรรจุด้วยเส้นใหญ่ต่างๆและพรม ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริเวณทีอยู่ใกล้ตัว เมื่อคนที่ภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ สูดดมเอามูลของไรฝุ่นเข้าไปในหลอดลมและปอด จะเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้แสดงอาการน้ำมูกน้ำตาไหล ไอ จาม โพรงจมูกอักเสบ หรืออาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดโรคหอบหืดอย่างรุนแรง หรือหลอดลมตีบตันถึงขั้นเสียชีวิตได้ดร. อำมร กล่าวว่า จากการศึกษาความหลากหลายและชีววิทยาของไรฝุ่น ภายใต้การสนับสนุนของโครงการBRT โดยจากการเก็บตัวอย่างบนที่นอน 15 จังหวัด พบว่า อำเภอคลองสาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นบริเวณที่พบจำนวนไรฝุ่นมากที่สุด (พบไรทั้งหมด 10,216 ตัวต่อฝุ่น 1 กรัม)
นอกจากนั้นจากการศึกษาเก็บตัวอย่างที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า ไรชนิด Dermatophagoides pteronyssinus มีจำนวนมากที่สุด และจากการนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ชนิดของที่นอนและอายุการใช้งานนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อจำนวนของไร กล่าวคือในส่งนชนิดของที่นอนพบว่าที่นอนที่ทำจากนุ่นนั้นจะพบไรฝุ่นมากที่สุด คือพบไรเฉลี่ย 1 กรัมหรือ 63 ตัว รองลงมาคือที่นอนฟองน้ำใยสังเคราะห์พบไรฝุ่นเฉลี่ย 34 ตัว เสื่อ พบไรฝุ่น 21 ตัว และที่นอนใยมะพร้าวพบน้อยทีสุดคือ 10 ตัว
ส่วนอายุของการใช้งานพบว่าที่นอนที่มีการใช้งานมากกว่า 9 ปีขึ้นไปจะพบปริมาณไรฝุ่นมากที่สุด รองลงมาคือในช่วง 7-9 ปี และ 4-6 ปี พบน้อยทีสุดในช่วงอายุ 0-3 ปี ดังนั้นการเลือกชนิดที่นอนและกำหนดอายุช่วงการใช้งานนั้นนับว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการขจัดไรฝุ่น
ดร. อำมร กล่าวว่า สำหรับการกำจัดและป้องกันไรฝุ่นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่นการซักหรือทำความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำจะสามารถฆ่าไรฝุ่นและลดสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูดฝุ่นจะช่วยเคลื่อนย้ายตัวไรฝุ่นออกจากหมอนและพรมได้อย่างมาก การกำจัดเครื่องนอนหรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีอายุการใช้งานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญ ตลอดจนการหาผ้ามาคลุมที่นอนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการใช้สารเคมีก็เป็นอีกวิธีที่นิยมใช้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวอาจจะปฏิบัติได้ยากในวิถีชีวิตปัจจุบัน และอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องนอนบางอย่าง อีกทั้งยังไม่มีวิธีการเดียวทีจะสามารถกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมไรฝุ่นโดยการใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพรจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งในด้านของประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้
ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการศึกษาและทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดจากสมุนไพร 30 ชนิดที่ความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดจากว่านน้ำ และหางไหลขาว เป็นพืชที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะนำไปใช้ในการควบคุมไรฝุ่น ทั้งในแง่การนำไปฉีดพ่นโดยตรง หรือการรมด้วยสารสกัด และเชื่อว่าในอีกไม่ช้านี้จะสามารถพัฒนากรรมวิธีการสกัดรวมทั้งรูปแบบการนำไปใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น ดร. อำมร กล่าว--จบ--
-รก-

แท็ก ห้องนอน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ