กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มั่นใจการถ่ายโอนภารกิจด้านสถานสงเคราะห์คนชรา จำนวน 13 แห่ง ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงแม้อาจจะเป็นงานใหม่สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่การถ่ายโอนภารกิจครั้งนี้เป็นการโอนงาน เงิน และคน ไปพร้อมกันด้วย จึงคาดว่าจะไม่มีปัญหาอุปสรรคแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีส่งมอบภารกิจด้านสถานสงเคราะห์คนชรา จำนวน 13 แห่ง ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่า การถ่ายโอนภารกิจของส่วนราชการต่าง ๆ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 คือรัฐต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นพึ่งตนเองและตัดสินใจในกิจการท้องถิ่นได้เอง และตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอำนาจหน้าที่ในการให้บริการสาธารณะด้านการสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส สำหรับการถ่ายโอนภารกิจด้านสถานสงเคราะห์คนชราของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในมุมมองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจะเห็นว่าเป็นงานใหม่ ซึ่งอาจจะไม่มีความชำนาญในด้านนี้เท่าที่ควร แต่การถ่ายโอนในครั้งนี้เป็นการถ่ายโอนงาน เงิน และคน ไปพร้อมกันด้วย จึงคาดว่าจะไม่มีปัญหาอุปสรรคแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับมอบภารกิจครั้งนี้ ตนมีข้อคิด 2 ประการ คือ ประการแรก การรับมอบภารกิจในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะพัฒนางานในด้านสวัสดิการสังคมในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบได้อย่างเต็มที่ โดยใช้บุคลากรจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการที่จะถ่ายโอน ซึ่งบุคลากรเหล่านี้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในงานด้านนี้มาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงหวังว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคงจะใช้ประโยชน์จากบุคลากรเหล่านั้นในการขยายงานด้านสวัสดิการสังคมให้กว้างขวางครอบคลุมผู้ด้อยโอกาสทุกประเภทไม่เฉพาะคนชรา ประการที่สอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องสร้างเครือข่ายการทำงานในด้านสวัสดิการสังคมร่วมกับจังหวัดอื่นด้วย โดยเฉพาะในระยะแรกนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับมอบภารกิจจำเป็นต้องดูแลหรือให้บริการด้านสถานสงเคราะห์คนชราแก่คนชราที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นเครือข่ายด้วย ส่วนในระยะต่อไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจะต้องพัฒนางานด้านสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดใกล้เคียงและภาคีต่าง ๆ ทั้งภาคราชการและเอกชน เพื่อผนึกกำลังกันทำงานในเชิงบูรณาการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางปฏิบัติงานของภาคราชการ จะต้องเป็นพี่เลี้ยงให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนในการกำหนดและรักษามาตรฐานการให้บริการสวัสดิการสังคมในด้านต่าง ๆ ตลอดจนการติดตามช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งไม่เฉพาะที่ได้รับถ่ายโอนภารกิจเท่านั้น ในโอกาสที่ภาคราชการส่วนกลางซึ่งเป็นผู้มอบภารกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้รับมอบภารกิจได้มาร่วมกันเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้มอบและผู้รับมอบมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง เป็นการแสดงพลังร่วมกันของภาคราชการส่วนกลางกับราชการส่วนท้องถิ่นที่จะร่วมกันทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป--จบ--
-สพ-