กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--PR Network
ท่าน ว.วชิรเมธี แนะยึดหลักพรหมวิหารธรรม ร่วมฝ่าวิกฤติน้ำท่วมพร้อมรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
วันนี้ - 18 ตุลาคมนี้ ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ"หัวใจที่เต้นเพื่อคนอื่น คือ หัวใจของพระโพธิสัตว์"
ว.วชิรเมธี"หัวใจที่เต้นเพื่อคนอื่น คือ หัวใจของพระโพธิสัตว์" คงเป็นคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นภาพของบรรดาอาสาสมัครทั้งหลายที่ต่างร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ต่างก็มีหัวใจดวงเดียวกัน เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบทุกข์ภัยในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแพ็กของ การนำไปบริจาค รวมทั้งผู้ที่มีจิตศรัทธานำปัจจัย ตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ มาร่วมกันบริจาคเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
จากน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของคนไทยได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าอุทกภัยภัยครั้งนี้จะยิ่งใหญ่และหนักหนาสาหัสเพียงใด เราคนไทยจะยืนอยู่ข้างกัน และพร้อมที่จะผ่านเหตุการณ์อันหนักหนาสาหัสเหล่านี้ไปด้วยกัน
สถาบันวิมุตตยาลัย ร่วมกับ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เชิญประชาชนร่วมกิจกรรม "ทอดกฐินน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม" โดยเปิดรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค ปัจจัย 4 ข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนไตรจีวร เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยเริ่มรับบริจาคตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนรถไฟ)
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย เปิดเผยว่า "สองปีที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราบอกได้เลยว่าอยู่ในช่วงโมงยามของความทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ทุกข์เพราะอุทกภัย ซึ่งจะบอกว่าน้ำท่วมธรรมดาคงไม่ได้ แต่ว่าอุทกภัยที่เราเจอนี้ คงต้องใช้คำว่าวิกฤตการณ์แต่เพียงอย่างเดียว เพราะอะไร เพราะว่าสถานการณ์น้ำท่วมเท่าที่เห็นและเป็นอยู่นี้นั้น ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ท่ามกลางเพื่อนร่วมชาติของเราที่ลอยคออยู่ในทะเลแห่งความทุกข์จำนวนมากเวลานี้นั้น ถ้ามองอย่างตรงไปตรงมาสิ่งนี้ก็เป็นวิกฤติ ซึ่งเป็นความทุกข์มวลรวมประชาชาติก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในทางธรรม ท่ามกลางวิกฤตินี้เราก็สามารถพลิกให้เป็นโอกาสได้ นั่นคือเป็นโอกาสที่เราคนไทยจะได้มาหลอมรวมน้ำใจไทยให้เป็นหนึ่ง กล่าวคือ เราจะได้โอกาสในการทอดกฐินน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม ท่ามกลางเคราะห์ก็ยังมีโชคดี ถ้าเรารู้จักมองสถานการณ์ด้วยสติปัญญา ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ที่บอกว่าเป็นโอกาสก็คือ เราคนไทย ซึ่งปลอดภัยจากการถูกน้ำท่วมไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม นับถือศาสนาใดก็ตาม ถ้าเราเห็นว่าเพื่อนของเรา ทุกจุดที่ตกอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งความทุกข์นั้น เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของเรา เราก็ควรจะคิดว่านี่คือโอกาสที่เราจะช่วยให้เขาเหล่านั้นได้พ้นจากความทุกข์
พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า ธรรมที่จะคุ้มครองโลกนั้น ก็คือพรหมวิหารธรรม อันประกอบไปด้วย หนึ่ง ในยามปกติให้เมตตา คืออยู่กันด้วยความรัก มองไปทางไหนก็เห็นคนทั้งโลกเป็นมิตร สอง ในยามมีวิกฤติ ให้กรุณา คือ ลุกขึ้นมาช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สาม เมื่อยามที่ใครก็ตามได้ดิบได้ดีมีความสุขให้เราพลอยมุทิตา ไม่ใช่อิจฉา คือเปิดจิตเปิดใจให้กว้าง รื่นเริงบันเทิงใจกับความก้าวหน้าของคนอื่น และสี่ในสถานการณ์ที่คนขัดแย้งกับธรรมะ ให้เราวางใจเป็นกลาง ก็คือ อุเบกขานั่นเอง ไม่เลือกเข้าข้างคน แต่ให้ทำหน้าที่ของธรรมอย่างตรงไปตรงมา นี่คือธรรมที่จะสร้างสรรอภิบาลโลก ดังนั้น ในเวลานี้นั้น ธรรมที่เราควรปฏิบัติก็คือ เมตตาและกรุณา เมตตาก็คือมองไปทางไหน เห็นแต่เพื่อนชาวไทยของเราที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เพื่อนของเราทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะคู่ควรกับการโกรธเกลียดชิงชังของเราเลย มองไปทางไหนก็เพื่อนของเราทั้งนั้น และในเมื่อเพื่อนของเรากำลังตกทุกข์ได้ยาก ก็เป็นเวลาที่เพื่อนจะช่วยเพื่อน ดังนั้นท่ามกลางวิกฤติจึงเป็นโอกาสที่เราชาวไทยซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ก็จะได้ช่วยซึ่งกันและกันให้พ้นออกมาจากความทุกข์
การช่วยให้เราคนไทยพ้นทุกข์ก็ทำได้ 3 ระดับด้วยกัน เช่น 1. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันอย่างไม่ต้องรอ ซึ่งเรากำลังทำอยู่ในเวลานี้ 2. ในระยะยาวก็คือ ต้องเยียวยาและต้องฟื้นฟูให้ผู้ที่ประสบอุทกภัยได้มีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน พร้อมที่จะเผชิญชีวิตต่อไป และ 3. ในอนาคตก็ต้องช่วยกันถอดบทเรียน เรียนให้รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เราก้าวผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
ดังนั้น ปัญหา ณ ขณะนี้ เราต้องทำข้อที่ 1 ก็คือ ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาตมภาพจึงตั้งกองทุนที่เรียกกันว่า "โครงการทอดกฐินน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม" โครงการนี้มีสองส่วนก็คือ ส่วนที่หนึ่ง เป็นกองทุนก็คือรับบริจาคปัจจัยไทยธรรมที่เรียกว่า "เงิน" สำหรับช่วยฟื้นฟูหลังจากที่เราช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว เพราะว่ามีวัดจำนวนมาก และมีโรงเรียนจำนวนมาก ที่ ณ เวลานี้จมอยู่ในสายน้ำ ชนิดที่เรียกกันว่าต้องฟื้นฟูบูรณะกันอย่างขนานใหญ่ และนอกจากนั้นก็รับเป็นปัจจัยเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับบำบัดความทุกข์เฉพาะหน้าเฉพาะครั้งเฉพาะคราว ให้เราผ่านความยากเข็ญในขณะนี้ได้ไปเสียก่อน
ดังนั้น ในเวลานี้คือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันอังคาร สามวันนี้อาตมภาพจะตั้งหลักรับบริจาคจตุปัจจัยไทยธรรม จากเราชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนรถไฟ) ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ในโอกาสนี้ จึงขอเจริญพรเชิญชวนชาวไทย หรือชาวไทยในต่างแดน หรือชาวต่างชาติก็ตาม ที่อยากจะชวยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ในยามตกทุกข์ได้ยาก ก็เดินทางมาร่วมบริจาคกับอาตมภาพได้ ณ สวนรถไฟแห่งนี้ก็ได้ หรือจะบริจาคผ่านหมายเลขบัญชีที่อาตมภาพได้ประกาศไว้ใน Facebook หรือเครือข่ายสังคม Social Network ต่าง ๆ ก็ได้ อาตมภาพขอถือโอกาสนี้ ขออนุโมทนากับน้ำใสใจจริงของทุกท่านทุกคน ที่ได้หลั่งไหลกันมาร่วมบริจาค ตั้งแต่อาตมภาพเริ่มโครงการจนถึง ณ เวลานี้ ก็ยังมากันอยู่ไม่ขาดสาย กุศลบุญราศีที่สำคัญที่สุดที่เราจะได้รับร่วมกันก็คือ เราจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของเราให้พ้นจากนาทีแห่งความทุกข์ และวันหนึ่งข้างหน้าหากเรามีความทุกข์ใดก็ตาม เพื่อนร่วมทุกข์ของเรานั้น ก็จะได้ก้าวมาช่วยเหลือเราเช่นเดียวกัน ความทุกข์ของคน ๆ หนึ่งนั้น จะส่งผลถึงความทุกข์ของคนอีกคนหนึ่งเสมอไป เช่นเดียวกัน ความสุขของคน ๆ หนึ่ง ก็จะส่งผลถึงความสุขของคนอีกคนหนึ่งเสมอไป ฉะนั้น ความทุกข์ความสุขในชีวิตของเรานั้น ขึ้นอยู่กับกันและกัน ถ้าเราอยากให้เพื่อนของเรามีความสุข เราก็ต้องช่วยกันแบ่งปันความสุข ถ้าเราอยากให้เพื่อนของเราพ้นจากความทุกข์ เราก็ต้องไม่ดูดาย และนี่คือโอกาสที่เราจะได้ลุกขึ้นมา ทอดกฐินน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม"
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงิน สามารถบริจาคผ่าน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช ชื่อบัญชี “สถาบันวิมุตตยาลัย” บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 016-416296-4 หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สถาบันวิมุตตยาลัย เลขที่ 7/9-18 ถนนอรุณอมรินทร์ บางกอกน้อย กรุงเทพ 10700 โทรศัพท์ 08-5663-2636, 08-4173-5220, 08-7929-2701, 08-9200-5172 โทรสาร 0-2422-9128 Email: dhammatoday@gmail.com