กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ห่วงพื้นที่สายไหมและดอนเมืองได้รับผลกระทบ หลัง ศปภ. ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำคลอง 8 — 9 ได้ แต่ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก โปรดติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด กทม. จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมบรรจุกระสอบทรายเพื่อใช้ในการเสริมแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาสายล่าง และบริเวณคลอง 8 — 12 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อความมั่นใจในการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์น้ำกรุงเทพฯ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความคืบหน้าการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำที่คลอง 8 และคลอง 9 ได้ ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำอาจสูงถึง 3.5 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านกรุงเทพฯ เหนือในเขตสายไหมและดอนเมืองได้ จึงจำเป็นเร่งด่วนที่กรุงเทพมหานครจะต้องเร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง เขตสายไหม ให้หนาขึ้นและสูงเพิ่มขึ้นอีก 50 ซม. จึงจะสามารถป้องกันพื้นที่ได้ โดยต้องใช้กระสอบทรายทั้งหมด 1.2 ล้านใบ ขณะนี้ทางรัฐบาลได้แจ้งว่าจะมอบกระสอบทรายจำนวน 1 ล้านใบให้กรุงเทพมหานคร แต่หากไม่ทันการณ์ในวันพรุ่งนี้ กรุงเทพมหานครจะจัดหาด้วยตนเองและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 48 ชม. รวมถึงจะเร่งดำเนินการก่อสร้างแนวกระสอบทรายบริเวณคลอง 8 — 12 บริเวณ ถ.ประชาสำราญ ระยะทาง 15 กม. ด้วย
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้รับความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ในการจัดส่งผู้ต้องขัง จำนวน 300 คน ช่วยดำเนินการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง เพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และขอเชิญชวนประชาชนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันบรรจุกระสอบทราย ณ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 ถ.พหลโยธิน เขตสายไหม เพื่อให้ทันและเพียงพอต่อการใช้ทำแนวกระสอบทรายให้พ้นจากอุทกภัยในครั้งนี้ แต่ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากกรุงเทพมหานครได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ หากประชาชนสามารถขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือย้ายปลั๊กไฟขึ้นที่สูงเพื่อเตรียมพร้อมรวมถึงอาจเตรียมไว้สำหรับปีหน้าก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ ในวันนี้ (18 ต.ค.) เวลา 07.00 น. กรุงเทพมหานคร จะร่วมกับกรมทางหลวงชนบทลงพื้นที่ตรวจบริเวณใต้สะพานกลับรถข้ามคลองรังสิต ถ.พหลโยธิน เพื่อเตรียมความพร้อมและทำแนวป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่อไป