กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--คต.
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่อียูให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ผลิต นำเข้า และจำหน่ายในอียู จึงต้องมีความปลอดภัยในการอุปโภคบริโภคตามระเบียบข้อบังคับของอียูด้วย อียูจึงกำหนดให้ติดเครื่องหมาย CE Mark บนสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าได้รับการผลิต ออกแบบ และมีความปลอดภัยในการใช้งานหรือมีความเสี่ยงต่ำ โดยต้องผ่านกระบวนการประเมินความปลอดภัยตามระเบียบอียู กว่าร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่จำหน่ายในอียู จะต้องติดเครื่องหมาย CE Mark ดังกล่าวนอกจากนี้ ระเบียบ RoHS ฉบับใหม่ของอียูซึ่งว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตราย 6 ชนิดในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ก็กำหนดให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายจะต้องติดเครื่องหมาย CE Mark ด้วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอาจสับสนกับเครื่องหมาย CE Mark หรือ China Export Mark ของจีน ซึ่งเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่แสดงว่าสินค้าถูกผลิตในประเทศจีน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยแต่อย่างใด โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าเครื่องหมาย CE Mark ของอียู จะมีช่องว่างระหว่างตัวอักษรห่างกันเล็กน้อย
นายสุรศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคล้ายคลึงกันของเครื่องหมาย CE Mark ดังกล่าว อาจสร้างความสับสนและทำให้เข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่ทำการค้ากับอียู ซึ่งอาจนำเข้าสินค้าจากจีนแล้วส่งออกไปอียู ควรพิจารณาเครื่องหมาย CE Mark ที่ติดกับตัวสินค้าซึ่งอาจเป็นเครื่องหมาย China Export Mark ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยสินค้า หากส่งสินค้าที่ติดเครื่องหมาย China Export Mark ไปอียูอาจถูกส่งกลับหรือถูกกัก ณ ด่านนำเข้าได้
ที่มา : http://www.element14.com/community/docs/DOC-38278/l/beware-อียูrope-and-china-ce-symbols
CE Mark : เครื่องหมายรับรองความปลอดภัยของอียู
RoHS : ข้อกำหนดของอียูว่าด้วยเรื่องของการใช้สารที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์