กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกัน ยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้มหุ้นกู้เป็น “Negative” หรือ”ลบ” โดยอันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงฐานะทางการเงินและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ดีขึ้นในช่วงปี 2551 ถึงครึ่งแรกของปี 2554 และสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ฐานะทางเครดิตที่อ่อนแอลงของบริษัทแม่คือ ACOM Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ความเสี่ยงจากกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งอาจจำกัดการเติบโตทางธุรกิจและการทำกำไร รวมถึงอาจทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลงในอนาคต แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สำหรับองค์กรสะท้อนถึงผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้นโดยเป็นผลจากการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ระมัดระวัง โดยบริษัทสามารถทำกำไรสูงในปี 2553 และครึ่งแรกของปี 2554 ส่งผลทำให้เกิดการเติบโตของส่วนของผู้ถือหุ้นและทำให้อันดับเครดิตแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ หากไม่มีการเพิ่มทุน ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะไม่มีนโยบายปันผลที่สูงอันจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงในอนาคต
ส่วนอันดับเครดิตหุ้นกู้สะท้อนถึงฐานะการเงินที่อ่อนแอลงของ ACOM ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัท โดยฐานะการเงินของ ACOM อ่อนแอลงตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นทั้งสำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และสำหรับใช้คืนเงินแก่ลูกค้าที่จ่ายดอกเบี้ยไว้เกินตามผลบังคับใช้ “Money Lending Business Law” อย่างเต็มรูปแบบในประเทศญี่ปุ่น และภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจน้อยลง อันดับเครดิตของ ACOM ในปัจจุบันอยู่ในระดับ “Ba3” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ซึ่งจัดโดย Moody’s Investors Service (Moody’s) และที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” โดย Standard & Poor’s (S&P) แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative”หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทอีซี่ บายสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ในผลประกอบการสำหรับปีงบประมาณ 2554 ของ ACOM เนื่องจาก ACOM อาจได้รับแรงกดดันจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นทั้งสำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการคืนเงินแก่ลูกค้าที่จ่ายดอกเบี้ยไว้เกิน รวมทั้งภาวะแวดล้อมทางธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นที่ไม่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ จะมีการพิจารณาทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้อีกครั้งหากทริสเรทติ้งเชื่อว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการสนับสนุนที่ ACOM จะได้รับจาก Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ภายใต้สัญญาการค้ำประกันที่กำหนดภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น บริษัทแม่ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนแก่หุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้หากบริษัทอีซี่ บายไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนดในกรณีที่บริษัทถูกฟ้องล้มละลายและมีการจ่ายคืนหนี้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่หนี้นั้นถูกเรียกคืน โดยภาระการชำระหนี้ดังกล่าวจะตกเป็นของบริษัทแม่ผู้ค้ำประกันและจะมีผลบังคับใช้ทันที นอกจากนี้ หาก ACOM มีการควบรวมกิจการ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการจะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย หาก ACOM ไม่สามารถจ่ายชำระตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ ทั้งนี้ ภาระผูกพันของผู้ค้ำประกันภายใต้สัญญาการค้ำประกันนี้จะมีลำดับของสิทธิเรียกร้องเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่นๆ ของผู้ค้ำประกัน
ACOM มีผลขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 202,648 ล้านเยนในปีงบประมาณ 2554 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2554) ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 7,239 ล้านเยนในปีงบประมาณ 2553 โดยผลขาดทุนของ ACOM มีสาเหตุหลักมาจากการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นจากการที่ผู้กู้สามารถขอดอกเบี้ยที่จ่ายเกินไปก่อนหน้านี้คืน และจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน ณ เดือนมีนาคม 2554 สินเชื่อรวมของบริษัทอีซี่ บายมีจำนวน 69,610 ล้านเยน คิดเป็นสัดส่วน 6.6% ของสินเชื่อรวมของ ACOM หนี้สินของบริษัทที่ได้รับการค้ำประกันจาก ACOM มีจำนวนรวม 53,060 ล้านเยน หรือคิดเป็น 22% ของส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของ ACOM บริษัทอีซี่ บายเป็นบริษัทย่อยแห่งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของ ACOM และมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับ ACOM ในการเป็นผู้ประกอบการให้สินเชื่อเพื่อการบริโภครายสำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ACOM ยังมีพันธะสัญญาที่เหนียวแน่นกับบริษัทในการให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและธุรกิจ อันได้แก่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรู้ทางธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมทางการเงินสำหรับตลาดในประเทศไทยด้วย
การมีประสบการณ์เกือบ 15 ปีส่งผลให้บริษัทมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ในขณะที่การสนับสนุนทางการเงินและธุรกิจที่เต็มที่จาก ACOM ก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อฐานะทางการตลาดและการเติบโตของบริษัทในอนาคต แม้ว่าลักษณะของธุรกิจจะมีการกระจายความเสี่ยงอยู่แล้วจากการปล่อยสินเชื่อต่อรายในจำนวนไม่มากให้แก่ลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก แต่บริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงทางด้านเครดิตเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบเนื่องจากภาครัฐมักให้ความสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคมากกว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 3 เดือนต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยลดลงจาก 6.12% ในปี 2550 เป็น 2.16% ณ เดือนมิถุนายน 2554 ในขณะที่สัดส่วนหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยก็ลดลงจาก 13.22% ในปี 2552 เป็น 9.29% ในปี 2553 และ 4.33% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 บริษัทได้นำความรู้ในการดำเนินธุรกิจและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงต่างๆ จาก ACOM มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดของไทย ไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองการให้คะแนนความน่าเชื่อถือของลูกค้า (Credit Scoring) ที่ทันสมัย การบริหารร้านค้าเครือข่ายและฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรฐานและขั้นตอนการติดตามจัดเก็บหนี้เพื่อใช้ควบคุมคุณภาพสินทรัพย์
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรงขึ้นหลังปี 2550 โดยเริ่มกลับมามีกำไร ทั้งนี้ ในปี 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท เพิ่มเป็น 329 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 925 ล้านบาทในปี 2553 และ 708 ล้านบาทสำหรับครึ่งแรกของปี 2554 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขยายจำนวนสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำลง การมีกำไรที่แข็งแกร่งและการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ไม่สูงทำให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 5.70% ในปี 2550 เป็น 10.58% ในปี 2553 และ 12.90% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554
บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) (EASY BUY)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
EB128A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 125 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB+
EB128B: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,710 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB+
EB128C: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB+
EB133A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ BBB+
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative