MOVIE GUIDE: The Lion King 3D

ข่าวทั่วไป Wednesday October 19, 2011 11:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--Walt Disney Studios Motion Pictures ประวัติภาพยนตร์The Lion King พุ่งทะยานในชาร์ต ในตอนที่ The Lion King ได้คำรามกึกก้องในโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในปี 1994 เรื่องราวของซิมบ้าและพ่อของเขาได้สั่นคลอนหัวใจของคนในยุคนั้น ซาวน์แทร็คแปลกใหม่ อารมณ์ขันที่คาดไม่ถึงและตัวละครที่มีเสน่ห์ของมันได้ร่ายมนต์สะกดผู้ชมทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งตามหลัง The Little Mermaid และ Beauty and the Beast ได้นำไปสู่ยุคเรเนซองส์แห่งอนิเมชันของวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ และกลายเป็นภาพยนตร์อนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล (ในอเมริกา ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงครองสถิติการเป็นภาพยนตร์อนิเมชันวาดด้วยมือที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล) The Lion King ได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ฮันส์ ซิมเมอร์) และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เอลตัน จอห์น/ทิม ไรซ์ เพลง Can You Feel the Love Tonight) และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในทั้งสองสาขา รวมไปถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทคอเมดีหรือมิวสิคัล มันเป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ทำยอดขายสูงสุดตลอดกาลและเป็นแรงบันดาลใจของมิวสิคัลบรอดเวย์เจ้าของรางวัลโทนี ที่กลายเป็นมิวสิคัลที่เปิดแสดงยาวนานที่สุดเป็นลำดับที่เจ็ดในประวัติศาสตร์บรอดเวย์ ในเดือนมกราคม ปี 2011 และบัดนี้ ภาพยนตร์คลาสสิกยอดนิยมเรื่องนี้ก็กำลังจะปรากฏในรูปแบบ 3D เป็นครั้งแรก ภาพยนตร์ที่เข้าฉายพิเศษนานสองสัปดาห์เรื่องนี้เริ่มต้นฉายในวันที่ 16 กันยายน ปี 2011 ด้วยการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ในระบบ Disney Digital 3D? ก่อนที่จะวางจำหน่ายในรูปแบบของโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ในวันที่ 4 ตุลาคม เพื่อเป็นการฉลองการวางจำหน่ายไดมอนด์ อีดิชันของภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบไฮเดฟ Blu-ray? และ Blu-ray 3D? เกือบหนึ่งทศวรรษนับตั้งแต่ The Lion King ได้ปรากฏบนจอเงิน ภาพยนตร์ที่กำลังจะลงโรงนับจากนี้จะเชื้อเชิญผู้ชมรุ่นใหม่ให้ก้าวเข้าสู่วัฏจักรแห่งชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ภาพยนตร์ 3D ที่เข้าฉายนานสองสัปดาห์เรื่องนี้จะลงโรงทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสเกลที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ในปี 1994 และเป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในระบบ 3D The Lion King อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทีมผู้สร้างเพิ่มมิติใหม่ให้กับภาพยนตร์คลาสสิก The Lion King เป็นหนึ่งในภาพยนตร์อนิเมชันคลาสสิก 2D วาดด้วยมือเรื่องแรกๆ ของดิสนีย์ที่ถูกแปลงโฉมใหม่ด้วยเทคโนโลยี 3D ล่าสุด ทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะนำภาพยนตร์คลาสสิกเรื่องนี้กลับสู่จอเงินและบ้านของแฟนๆ อีกครั้งในรูปโฉมใหม่ ด้วยการทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เหยียบย่างไปบนผาทรนงก็ไม่ปาน “แง่มุม 3D ของหนังเรื่องนี้สามารถช่วยให้บอกเล่าเรื่องราวได้ดีขึ้นครับ” โรเบิร์ต นิวแมน สเตอริโอกราฟเฟอร์ 3D บอก “เราใช้มันในแบบที่คอมโพสเซอร์ใช้ดนตรีในการแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ นั่นคือให้มันสะท้อนอารมณ์ของเรื่องราวออกมา การมีโอกาสได้เสริม 3D เข้าไปใน The Lion King และได้ร่วมงานกับทีมผู้สร้างชุดเดิม เพื่อทำให้แน่ใจว่าการเสริมมิติเข้าไปจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของพวกเขาและช่วยยกระดับเรื่องราวของเขานั้นเป็นโอกาสที่เหลือเชื่อเลยครับ” ผู้อำนวยการสร้างดอน ฮาห์น ร่วมกับผู้กำกับชุดเก่า ร็อบ มิงคอฟและโรเจอร์ อัลเลอร์ส ได้ดูทุกภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ระหว่างกระบวนการแปลงให้เป็น 3D พร้อมกับให้แนวทางเกี่ยวกับเรื่องมิติความลึกและให้ความเห็นชอบขั้นสุดท้ายของแต่ละช็อต นอกเหนือจากนั้น นักวาดภาพส่วนหนึ่งที่ทำงานในกระบวนการแปลงให้เป็น 3D ยังเคยทำงานใน The Lion King มาก่อนด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาศัยทีมงานนักวาดภาพ 3D กว่า 60 ชีวิตจากหลายแผนก ซึ่งรวมถึงการให้แสง เลย์เอาท์ เอฟเฟ็กต์และวิศวกรรมซอฟท์แวร์ พวกเขาร่วมกันสร้างมิติใหม่ให้กับ The Lion King ด้วยการหวนคืนสู่ไฟล์ CAPS (โปรแกรมคอมโพสิท) และทำงานอย่างอุตสาหะเพื่อกำหนดระดับความลึกที่จำเป็นต่อการเพิ่มมิติที่สามเข้าไปให้กับภาพ นิวแมน ที่ทำการควบคุมแต่ละขั้นตอน ได้สร้างบท 3D ขึ้นมา เพื่อกำหนดระดับความลึกของแต่ละเลเยอร์เพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ 3D ด้วยบางฉากที่มีการรวมเลเยอร์องค์ประกอบและภาพอาร์ตเวิร์คกว่า 100 ชั้น มันก็เลยมีวัตถุดิบมากมาย ซึ่งทำให้ทีมนักวาดภาพสามารถนำเอารายละเอียด 3D และองค์ประกอบต่างๆ เข้าไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากขึ้น หนึ่งในตัวละครที่แปลงเป็น 3D ได้ยากกว่าเพื่อนคือซาซู หัวหน้าฝ่ายพิธีการของมูฟาซา ด้วยความที่ปีกและจะงอยปากของเขาต้องอาศัยเลเยอร์ 3D หลายชั้น ส่วนซีเควนซ์ที่ทำการแปลงได้ยากที่สุดคือฉากเพลงที่แสดงความร้ายกาจของสการ์ Be Prepared เพราะมันมีช็อตเอฟเฟ็กต์และตัวละครมากมาย ซึ่งรวมถึงสมุนไฮยีนาของเขาด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบ โปรเจ็กต์แปลงเป็น 3D นี้ใช้เวลาสี่เดือน ซึ่งนับว่าเร็วมาก ถ้าพิจารณาจากความซับซ้อนของภาพและตัวละครสัตว์หลากหลายประเภทในภาพยนตร์เรื่องนี้ “สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมคือโอกาสในการได้ใช้เทคโนโลยีของเราสร้างการผสมผสานความงามและเสน่ห์ของอนิเมชันแบบดั้งเดิมเข้ากับคุณสมบัติของภาพยนตร์ 3D และเห็นศิลปะรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมาครับ” นิวแมนบอก “ในลักษณะนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเคยดู The Lion King มาแล้วกี่ครั้งในอดีต เราก็ยังจะทำให้ผู้ชมตื่นเต้นไปกับการได้ดูมันอีกครั้ง…เป็นครั้งแรกครับ!” “ในเวอร์ชัน 3D นี้ ผู้ชมจะได้สัมผัสกับ The Lion King อย่างที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนค่ะ” ซารา ดูรัน ซิงเกอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายโพสต์โปรดักชันของวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์กล่าว “พวกเขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในทุ่งสะวันนาและถูกห้อมล้อมไปด้วยภาพที่น่าตื่นเต้นและระบบ 7.1/3D ดิสนีย์ที่เหลือเชื่อ โดยเทอร์รี พอร์ตเตอร์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด (Beauty and the Beast) พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ!” 27 ตุลาคม ในโรงภาพยนตร์ เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์เท่านั้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ