เอชเอสบีซี คาดการค้าในเอเชียคึกคัก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 19, 2011 11:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี เอชเอสบีซี คาดการค้าในเอเชียคึกคัก ***ปริมาณการค้าในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวภายในปี 2568*** ***เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ขยับเป็นคู่ค้าสำคัญ*** ***ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ บั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า ไม่กระทบธุรกิจ*** ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลสำรวจคาดการณ์การค้าโลกรายไตรมาสล่าสุด พบว่า ปริมาณการค้าในเอเชียจะเติบโตร้อยละ 96 คิดเป็นมูลค่าเกือบ 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 และจะเป็นแรงส่งสำคัญให้การค้าโลกเติบโต โดยคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 73 ในปี 2568 ส่วนอินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ ขึ้นแท่นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศ 5 อันดับแรก ซึ่งจะช่วยหนุนให้การค้าโลกขยายตัวจนถึงปี 2568 การค้าในเอเชียคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.8 ต่อปี จนถึงปี 2568 เทียบกับการค้าโลกที่เติบโตร้อยละ 3.8 และคาดว่าบริษัทต่าง ๆ จะต้องเติบโตสอดคล้องในอัตราเดียวกันเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ผลสำรวจทางการค้าของเอชเอสบีซี ยังระบุถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้า สะท้อนความเชื่อมั่นที่ลดลงของบรรดาผู้นำเข้าและส่งออกในเอเชียอีกด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าในเอเชียลดลง 3 จุด สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าทั่วโลกที่ลดลง 2 จุด จาก 6 เดือนแรกของปีนี้ บ่งชี้ว่าแม้จะมีนัยของการเติบโตในระยะยาว ผู้ค้ากลับเห็นว่า ปัจจัยลบที่รุมเร้าเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกในอีก 6 เดือนข้างหน้า มร.โนเอล ควินน์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “การค้าระหว่างประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจในขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอน การค้าระหว่างประเทศเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาช่องทางขยายตัว ขณะที่ระดับความเชื่อมั่นของผู้ค้าลดลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า บริษัทต่าง ๆ ต้องรีบเตรียมพร้อมเพื่อขยายตลาดการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในเอเชีย แปซิฟิก อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ธุรกิจระหว่างประเทศก็ยังเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ ซึ่งเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่หากบริษัทต่าง ๆ เริ่มเตรียมการเพื่อสร้างรายได้จากการเติบโตของการค้าโลกตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะช่วยลดทอนความเสี่ยงให้น้อยลงได้” เอชเอสบีซี เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้า และคาดการณ์การเติบโต ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 41 ในเอเชีย คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวภายใน 6 เดือน แต่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83 คาดว่าปริมาณการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็อยู่ในระดับทรงตัว การที่อินโดนีเซียกลายเป็นตลาดที่มีความเชื่อมั่นทางการค้าสูงสุดในระดับโลก ธุรกิจการค้าในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มองว่ามีแนวโน้มที่สดใสในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นใน 6 เดือนแรกของปีนี้ปรับสูงขึ้น ส่วนธุรกิจการค้าในสิงคโปร์ มีดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้าอยู่ที่ -16 จีนแผ่นดินใหญ่ (-14) และอินเดีย (-11) แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมากที่สุด สะท้อนมุมมองในแง่ลบในระยะ 6 เดือนของบรรดาผู้นำเข้าและส่งออกในตลาดเหล่านี้ ธุรกิจการค้าในออสเตรเลีย สิงคโปร์ เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ ยังเป็นกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ซื้อ และต้องการจะเรียกเก็บเงินล่วงหน้า หรือร่นระยะเวลาการชำระเงินให้เร็วขึ้นจากคู่ค้า ครึ่งหนึ่งของผู้ค้าทั้งหมดทั่วเอเชีย คาดว่าการขอสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศจะมีปริมาณคงเดิม ส่วนอีกร้อยละ 40 คาดว่าความต้องการขอสินเชื่อเพื่อการค้าจะเพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศจีนจะยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงสุดสำหรับผู้นำเข้าและส่งออกในเอเชีย และการค้าภายในภูมิภาคยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าขยายตัว แนวโน้ม เอชเอสบีซี เปิดเผยว่า เอเชีย แปซิฟิก ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเส้นทางการค้าหลักระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และฮ่องกง และมีการค้าเพิ่มขึ้นกับบราซิล มาเลเซีย อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นผลจากคาดการณ์ล่าสุดว่าสินค้าอาหารทั่วไป และสินค้าเกษตรจะมีความสำคัญมากขึ้น ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ขณะนี้ยังใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่กำลังดีวันดีคืนในสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ยา และสินค้าภาคการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอีกด้วย จีนแผ่นดินใหญ่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และฮ่องกง เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ 5 อันดับแรกของเอเชีย ปริมาณการค้ากับ 5 ตลาดนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 15 ปีข้างหน้า จีนแผ่นดินใหญ่จะยังคงเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียในแง่มูลค่าทางการค้าในปี 2568 โดยมีมูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เป็นกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 แซงหน้าสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด เป็นผลจากการค้าสินค้าโภคภัณฑ์และการผลิตที่เพิ่มขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ จีนจะมีส่วนแบ่งของการค้าโลกคิดเป็น 13% ภายในปี 2568 เส้นทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย แปซิฟิก ประกอบด้วย จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจระบุว่า มีอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญ เช่น อินเดีย เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ซึ่งกำลังพัฒนาฐานการส่งออกที่แข็งแกร่งโดยเพิ่มปริมาณสินค้าที่มีมูลค่าสูงในภาคการผลิต เส้นทางการค้าและคาดการณ์ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการที่เครือข่ายธุรกิจการค้าระดับโลกทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน การค้าระหว่างเอเชีย แปซิฟิก และบราซิล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว (จากมูลค่า 96.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เป็น 206 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568) จากการค้าถั่วเหลือง ส่วนเส้นทางการค้ายุโรประหว่างเอเชีย แปซิฟิก และโปแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และมอลต้า ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย มร. ควินน์ กล่าวว่า “การที่ศูนย์กลางของธุรกิจระหว่างประเทศย้ายจากตลาดพัฒนาแล้วไปยังตลาดเกิดใหม่ บริษัทต่าง ๆ ที่มุ่งหวังเติบโตธุรกิจจากตลาดการค้าระหว่างประเทศ ต้องมีพันธมิตรธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นประตูสู่ความสำเร็จ เอชเอสบีซี มีความพร้อมอย่างเต็มที่จะเชื่อมโยงธุรกิจการค้าทั่วโลกด้วยเครือข่ายธุรกิจพาณิชย์ธนกิจที่ครอบคลุมของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะมีศักยภาพที่ดีที่สุดในการคว้าโอกาสจากการค้าระหว่างประเทศ” ผลสำรวจทางการค้าของเอชเอสบีซี ยังระบุถึง - ประเทศที่มีอัตราการเติบโตด้านนำเข้าและส่งออกรวดเร็วที่สุด 10 อันดับแรกของโลก - การเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งทางการค้าของ 37 ประเทศสำคัญในการค้าโลก - ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มทางการค้า และเส้นทางการค้า รวมทั้งการเติบโตทางการค้าของบราซิล และการค้าภายในภูมิภาค - การแจงแจงดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้า คาดการณ์การเติบโตทางการค้าจำแนกเป็นรายประเทศ/ภูมิภาค ประเทศ/ภูมิภาค ภายในปี 2568 อินเดีย 156% จีนแผ่นดินใหญ่ 146% อินโดนีเซีย 144% ออสเตรเลีย 129% ไทย 117% เกาหลีใต้ 115% เวียดนาม 114% สิงคโปร์ 110% ศรีลังกา 102% ฮ่องกง 92% มาเลเซีย 88% ฟิลิปปินส์ 87% นิวซีแลนด์ 83% ญี่ปุ่น 61% ละตินอเมริกา 100% เอเชีย 96% ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 85% ยุโรป 77% โลก 73% อเมริกาเหนือ 55% ดัชนีความเชื่อมั่นทางการค้าจำแนกเป็นรายประเทศ/ภูมิภาค ประเทศ/ภูมิภาค ครึ่งหลังของปี 2554 (เปลี่ยนแปลงจากครึ่งแรกของปี 2554) อินโดนีเซีย 144 (+21) อินเดีย 129 (-11) เวียดนาม 115 (-1) ดัชนีเอเชีย 112 (-3) มาเลเซีย 106 (+9) สิงคโปร์ 105 (-16) ออสเตรเลีย 100 (-7) จีนแผ่นดินใหญ่ 100 (-14) ฮ่องกง 95 (-6) ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 132 (+14) เอเชีย 112 (-3) โลก 112 (-2) ละตินอเมริกา 111 (-8) อเมริกาเหนือ 104 (-6) ยุโรป 103 (-6) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606 หมายเหตุถึงบรรณาธิการ: 1. ธนาคารเอชเอสบีซีในประเทศไทย เอชเอสบีซีเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสำนักงานให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 ธนาคารเอชเอสบีซีเปิดให้บริการด้านการเงินและการธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งบริการด้านเงินฝาก สินเชื่อธุรกิจ พาณิชย์ธนกิจ ธุรกิจสถาบันการเงิน บริการด้านบริหารเงินและตลาดทุน บริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ บริการการค้าและเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และบริการด้านการชำระเงินและบริหารเงินสดแก่ลูกค้าประเภทองค์กร ตลอดจนบริการลูกค้ารายย่อยและธนบดีธนกิจแก่ลูกค้าประเภทบุคคล 2. เอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พีแอลซี หรือ กลุ่มเอชเอสบีซี กลุ่มเอชเอสบีซี เป็นสถาบันผู้ให้บริการด้านการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีเครือข่ายสาขาประมาณ 7,500 แห่งในกว่า 80 ประเทศและเขตปกครองทั้งในยุโรป เอเชีย แปซิฟิก ตะวันออกกลาง อเมริกา และแอฟริกา ให้บริการแก่ลูกค้าจำนวน 100 ล้านคนทั่วโลก มีสินทรัพย์รวม 2,691 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554) ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มเอชเอสบีซี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ