กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
เรื่องย่อ
แจ็ค นิโคลสัน, ไดแอน คีตัน และ ฟรานเซส แม็คดอร์แมนด์ เหล่านักแสดงฝีมือระดับรางวัลตุ๊กตาทอง ร่วมแสดง กับ คีนู รีฟส์ และ อาแมนด้า พีท ในภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้รักซ้อน เรื่อง Something's Gotta Give, จากผู้เขียนบท/ผู้กำกับฯ แนนซี่ ไมเออร์ส (What Women Want, The Parent Trap) ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่า ถ้าเป็นเรื่องของหัวใจแล้ว อะไรที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ
แฮร์รี่ แซนบอร์น (นิโคลสัน) เป็นหนุ่มโสดตลอดกาล ที่เลือกออกเดทเฉพาะกับผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปีเท่านั้น แต่แทนที่จะเป็นสุดสัปดาห์อันแสนโรแมนติคกับ มาริน (พีท) ความรักรายล่าสุดของเขา - ณ บ้านพักชายทะเลของแม่เธอ ในแฮมพ์ตันส์ นิวยอร์ค แฮร์รี่กลับเกิดมีอาการเจ็บที่หัวใจขึ้นมา และ เอริก้า แบร์รี่ (คีตัน) นักเขียนบทละครชื่อดังที่หย่าขาดจากสามี ผู้เป็นแม่ของมาริน ยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะช่วยพยาบาลเขาให้หายดี เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แฮร์รี่ก็ต้องประหลาดใจที่เขาพบว่าตนเองเริ่มสนใจในตัวเอริก้า และแม้ว่าเธอจะเคยคัดค้านเกี่ยวกับตัวแฮร์รี่ เอริก้ากลับรู้สึกว่าเธอเองได้พบความรักอีกครั้งหนึ่ง และแล้วความซับซ้อนในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อเอริก้าถูกตามจีบโดยคุณหมอรูปหล่อวัยสามสิบผู้ดูแลแฮร์รี่ - จูเลียน เมอร์เซอร์ (รีฟส์)
เมื่อหายเป็นปกติแล้ว แฮร์รี่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมของเขา แต่อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเอริก้าได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป แฮร์รี่คงต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของหัวใจ หากว่าเขาอยากจะเอาชนะและได้เธอกลับมา
โคลัมเบีย พิกเจอร์ส และวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานของ Waverly Films Production เรื่อง Something's Gotta Give นำแสดงโดย แจ็ค นิโคลสัน และไดแอน คีตัน ร่วมแสดงโดย คีนู รีฟส์, ฟรานเซส แมคดอร์แมนด์, อาแมนด้า พีท, จอน ฟาฟโร และ พอล ไมเคิล เกลเซอร์
Something's Gotta Give กำกับฯ และเขียนบทโดย แนนซี่ ไมเออร์ส และอำนวยการสร้างโดย ไมเออร์ส และ บรูซ เอ บล๊อค , ผู้กำกับภาพ ได้แก่ ไมเคิล บอลเฮาส์, ASC ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ ได้แก่ จอน ฮัตแมน , ลำดับภาพโดย โจ ฮัทชิง A.C.E , ดนตรีประกอบโดย อลัน ซิลเวสทรี , ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ได้แก่ ซูซาน แม็คเคบ, ผู้ควบคุมดนตรี ได้แก่ บอนนี่ กรีนเบิร์ก
การถ่ายทำ
ตลอดระยะเวลาที่น่าทึ่ง-กับความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม-ในช่วงสองทศวรรษของอาชีพนักเขียนบทภาพยนตร์ของเธอ และในตอนนี้กลายมาเป็นผู้กำกับการแสดง แนนซี่ ไมเออร์ส ชำแหละการดิ้นรนแข่งขันกันระหว่างชายหญิงร่วมสมัยได้อย่างแจ่มแจ้ง ในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์มักจะสังเวยให้กับความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อจากความช่วยเหลือของเวทมนตร์แห่งเทคโนโลยี ภาพยนตร์ของไมเออร์สยังคงตรึงความสนใจของสัมพันธภาพที่มนุษย์มีให้ต่อกัน ในเรื่องความรักและครอบครัว และภาพยนตร์เรื่อง Something's Gotta Give ก็ยังคงสานธรรมเนียมนี้และขยายความเพิ่มเติมให้อีก
"เกือบทุกอย่างที่ฉันได้เขียนมานั้น มีความคล้ายคลึงกับบางสิ่งในชีวิตของฉันเอง" ผู้สร้างหญิงกล่าว "ต้องสารภาพว่าตัวฉันเองค่อนข้างซาบซึ้งใจกับบทภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องของชายแก่กับสาวน้อย "อีกอย่างที่ทำให้ฉันเกิดความสนใจก็คือ" ไมเออร์สกล่าวต่อ "อะไรในทำนองที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง : การตกหลุมรักและการเผยความรู้สึกส่วนลึกในช่วงท้ายของชีวิต ฉันคิดว่าการที่คนเราจะมีความรักในบั้นปลายของชีวิตนั้นเป็นไปได้จริง และมีความรู้สึกรุนแรงพอๆ กับเมื่อตอนที่พวกเขาอายุ 25"
ในเรื่อง Something's Gotta Give ไมเออร์สได้ผสมผสานความน่าสนใจทั้งคู่นั้นไว้ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผูกเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มน้อยกับสาวใหญ่ไว้ด้วย "การเขียนเรื่องของชายและหญิงที่มีอายุเกินวัยกลางคนไปแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล" ไมเออร์สกล่าว "สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างแฮร์รี่และเอริก้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนทั้งโลก รักก็คือรัก และไม่สำคัญว่าจะเกิดขึ้นกับคนอายุเท่าไหร่ นอกจากว่าบางทีมันอาจเจ็บปวดมากกว่า เมื่อมีอายุมากขึ้น"
ในตอนที่ไมเออร์สเริ่มต้นเขียนเรื่องของเธอนั้น - ตั้งแต่ก่อนหน้าเริ่มเขียนเสียด้วยซ้ำ - เธอได้เลือกผู้แสดงที่เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายทอดบทบาทของแฮร์รี่ แซนบอร์น และเอริก้า แบรี่ ซึ่งคนแรกเป็นหนุ่มเพลย์บอย ส่วนคนหลังเป็นม่ายหย่าสามีผู้ประสบความสำเร็จในการเขียนบทละคร ทั้งสองต้องเผชิญกับการผจญภัยที่สะเทือนอารมณ์อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน และนักแสดงทั้งสองที่เธอมีอยู่ในสายตาก็คือ แจ็ค นิโคลสัน และไดแอน คีตัน
ไมเออร์สนั้นยังไม่เคยร่วมงานกับนิโคลสัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการภาพยนตร์ว่าอาชีพของเขานั้นมีความเข้มข้นยิ่งไปกว่าเมื่อตอนเริ่มเป็นดาราเมื่อ 30 ปีก่อน แต่เธอมีประวัติที่ยาวนานมากับคีตัน ซึ่งเคยแสดงในหนังหลายเรื่องจากการเขียนบทของไมเออร์ส รวมทั้ง Baby Boom, Father of the Bride และ Father of the Bride II
คีตันยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เธอได้อ่านผลงานของไมเออร์ส สคริปท์เรื่อง Baby Boom "ฉันหลงรักมัน ก็ทำไมถึงจะไม่ล่ะ?" เธอบอก "มันเป็นงานเขียนที่ยอดเยี่ยม ผลงานของเธอมักทำให้รู้สึกเหมือน 'ได้กลับบ้าน' สำหรับฉัน"
"แนนซี่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเลือกฉันในเรื่อง Baby Boom" คีคันกล่าวต่อ "และหลักเกณฑ์ในการสร้างตัวละครของเธอนับว่าเป็นเรื่องน่าทึ่ง เหมือนหมากับกระดูกไง ถ้าเธออยากให้มันเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น มันเป็นอย่างนั้นแหละ แนนซี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเขียนที่เก่ง เธอยังเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ 'แกร่งเหมือนบอล' ไม่ได้พูดเล่นนะ หาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เธอรู้ว่าต้องการอะไร"
หลังจากที่ไมเออร์สได้วางแผนฉากแรกแล้วนั้น "ฉันขว้างลูกต่อให้กับแจ็ค แม้ว่าฉันจะมีเพียงทรรศนะทั่วไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ" เธอทบทวน "ฉันไปหาเขาที่บ้านในแอลเอ และเขามีท่าทีว่าสนใจมาก แจ็คชอบหัวข้อของเรื่อง และเขาให้กำลังใจฉัน ฉันก็เลยกลับไปเขียนต่อด้วยความหวังว่าเขาคงจะชอบผลลัพธ์ในตอนท้าย ไดแอนก็แสดงความสนใจที่จะขออ่านสคริปท์เมื่อเสร็จแล้ว ฉันใช้เวลาราว 10 เดือนในการเขียน และอีก 4 หรือ 5 เดือนสำหรับขั้นตอนหลังจากนั้น ฉันโทร.ไปหาแจ็คกับไดแอนแล้วบอกว่า "มันคงใช้เวลาอีกสัก 5 เดือน แต่คิดว่าเราได้เรื่องแล้วละ'"
ตัวคีตันมีความทรงจำที่น่าขันของเธอเองเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน "เมื่อประมาณสองปีครึ่ง แนนซี่โทร.หาฉัน แล้วบอกว่า 'โอเค มากินข้างเที่ยงกัน' เราก็ไปกินข้าว และเธอก็เล่าให้ฟังว่าเธอกำลังจะเขียนบทหนังเรื่องเกี่ยวกับความรักในวัยกลางคน และเธอยากให้ฉันเล่นกับแจ็ค นิโคลสัน แล้วพอฉันบอกว่า 'ได้เลย ตกลง แนนซี่' ขั้นต่อมาก็คือ … แนนซี่บอกว่า 'เอาละ ฉันกำลังจะเริ่มเขียน' อะฮะ โอเค แนนซี่ เยี่ยม ดีมากเลย 'โอเค เขียนเสร็จแล้วนะ' ยอดเลย แนนซี่ ดีจริงๆ 'โอเค ตอนนี้ฉันส่งไปให้สตูดิโอแล้ว พวกเขาอยากสร้างมัน' ทุกขั้นทุกตอนไป แนนซี่เป็นเหมือนรถไฟ เธอเป็นอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างเธอเลย และเธอเขียนสคริปท์ได้ดีมาก"
คีตันชื่นชมความทั่วถึงของเรื่อง และความจริงที่อยู่เหนืออายุและความแตกต่างระหว่างวัย "มันเป็นสงครามระหว่างหญิงชาย ซึ่งเหมือนเดิมมาตลอดในระดับหนึ่ง แน่นอนว่ามันจะเด็ดเดี่ยวขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้น หมายถึงว่าทำไมผู้ชายที่ชอบออกเดทกับสาวๆ ที่อายุน้อยกว่ามากๆ ที่มีความสุขเสียเหลือเกินกับชีวิตของเขา จะมาตกหลุมรักกับผู้หญิงที่มีอายุและเจ้ากี้เจ้าการ แถมยังเท่าเทียมกันกับเขาไปทุกอย่าง?"
เมื่อนิโคลสันได้อ่านสคริปท์ เขาเห็นด้วยกับการประเมิณของคีตัน และเมื่อข่าวสคริปท์เริ่มกระพือไปทั่วฮอลลีวู้ดนั้น กองทัพนักแสดงก็ยิ่งกว่าเต็มใจที่จะติดตามทั้งนิโคลสัน และคีตันเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น ยอดเยี่ยม สนุกสนาน และซึ้งใจของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ของทีมผู้สร้าง "ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผลงานส่วนตัวเป็นอย่างมากของแนนซี่" คีนู รีฟส์กล่าว เขาถูกเลือกให้รับบทจูเลียน เมอร์เซอร์ นายแพทย์ผู้ให้การรักษาแฮร์รี่ แฮมพ์ตัน ผู้ที่มาติดเนื้อต้องใจเอริก้า "เป็นเรื่องที่สวยงาม และน่ารักเป็นที่สุด ผมคิดว่าเป็นเรื่องฉลาด สนุกสนานและเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก"
"และมันยังมีความแปลกใหม่อีกด้วย" รีฟส์กล่าวต่อไป "สิ่งที่ยอดเยี่ยมของสคริปท์ก็คือพัฒนาการของตัวละครซึ่งมีชีวิตชีวา ค้นหาเพื่อให้รู้จักตัวเองและคนอื่นๆ มันทำให้กระชุ่มกระชวยและเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังฮอลลีวู้ดเท่าไหร่ นับว่าน่าอายอยู่เหมือนกัน ที่ในหนังอเมริกันส่วนใหญ่ ความรู้สั่งสมและประสบการณ์ชีวิตมักไม่ค่อยได้รับการแสดงความนับถือ ผู้สูงอายุ ถ้าไม่มีอารมณ์ร้าย ก็จะรู้มากเกินไป หรือไม่ก็ใกล้ตาย มันจึงเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นความมีชีวิตชีวา ความรัก การค้นหาและการอยู่ร่วมกันที่ยังเกิดขึ้นได้ และเมื่อมีแจ็ค นิโคลสัน และไดแอน คีตันมาสวมบทเหล่านั้น มันจึงสนุกสนาน เซ็กซี่ และน่าขัน"
สำหรับไมเออร์สนั้น รีฟส์นับเป็นตัวเลือกที่ไม่มีใครแทนที่ได้ในการมารับบทนายแพทย์หนุ่มน้อย "สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ การที่คีนูแสดงเป็นหมอ" เธอบอก "สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเขาเป็นผู้ชาย อีกคน"
ฟรานเซส แมคดอร์แมนด์ - ผู้ซึ่งไมเออร์สลงความเป็นว่าเป็น "คนที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่จะหาได้" ในการรับบท โซ อาจารย์มหาวิทยาลัยผู้สนับสนุนสิทธิสตรี ซึ่งเป็นน้องสาวของเอริก้า ที่ถูกดึงดูดให้เขามาร่วมงานโดยสุนทรพจน์ซึ่งเขียนให้กับตัวละคร โดยไมเออร์ส ซึ่งนำเสนอ - อย่างมีสาระและเผ็ดร้อนที่สุด - สิ่งที่ผู้หญิงอายุเกิน 40 ส่วนใหญ่คิดจริงๆ เกี่ยวกับชายแก่ที่เฝ้าแต่เสาะหาสาวน้อยวัยละอ่อน "มันเป็นการปราศรัยในระหว่างการร่วมรับประทานอาหารเย็น ซึ่งถูกเขียนขึ้นสำหรับฉัน" นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ยอมรับ "และฉันยังจะได้อยู่ทำงานใกล้ๆ กับไดแอน คีตัน ซึ่งฉันเป็นปลื้มอยู่ เธออยู่ในจิตใต้สำนึกของเราในความเป็นนักแสดง ฉันคิดว่าคนดูรู้สึกว่ารู้จักเธอ แต่สิ่งที่พวกเขารู้จริงๆ แล้วก็คือเธอเป็นดาราตลกอัจฉริยะ"
แมคดอร์แมนด์ยังชื่นชมกับความจริงที่ว่า ในหนังนั้น "มีการแสดงความเคารพให้นักเขียนหลายคนอย่างเพรสตัน สเตอเจ็ส และหนังโรแมนติดคอมเมดี้ของยุค 30 และ 40 ซึ่งฉลาดแกมโกงเกินกว่าพวกเราทุกคน และมีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อออกมา"
อาแมนด้า พีท ซึ่งรับบทมาริน ลูกสาวของเอริก้า ที่เสาะหาความรักอย่างผิดที่ผิดทาง กล่าวว่าเธอรู้สึกหวาดหวั่นมากในตอนที่ได้อ่านบทคู่กับแจ็ค นิโคลสัน "คือว่า ฉันตัวสั่นยังกับใบไม้โดนลม" เธอสารภาพ "แต่แจ็คนั้นเป็นคนที่ขี้เล่นมาก ตื่นตัวและโต้ตอบได้อย่างทันควัน"
สิ่งที่ทำให้พีทมุ่งมั่นที่จะได้รับบทก็คือความชื่นชมที่เธอมีให้กับบทภาพยนตร์ "มันเป็นเรื่องที่แท้จริงของการเป็นโสด และการมีอายุแก่กว่ากัน และมีหนังไม่กี่เรื่องนักที่ถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ในรูปแบบที่ซับซ้อน งานเขียนของแนนซี่สนุกมาก และบทตลกก็ดุเดือด แล้วฉันก็คิดว่าสคริปท์นั้นโรแมนติคอย่างไม่น่าเชื่อเลย"
นักแสดงสาวยังมีความรู้สึกที่ชัดเจนกับบทของมาริน เนื่องมาจากความอ่อนโยนทว่าหลักแหลมของสคริปท์ที่บ่งถึงพฤติกรรมความสัมพันธ์แบบขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างแม่กับลูกสาว "ตอนที่เจอกับแนนซี่เป็นครั้งแรก ฉันบอกเธอว่าสคริปท์มีความหมายกับฉันมากในแง่ของความสัมพันธ์ของฉันกับแม่ ฉันหมายถึงความใกล้ชิดที่เอริก้ากับมารินมีต่อกัน"
"ฉันได้เจอะเจอกับสาวน้อยหน้าตาดีๆในฮอลลีวู้ดเป็นจำนวนมากในการหาผู้รับบทนี้" ไมเออร์สทบทวน "แต่เมื่อฉันได้พบกับอาแมนด้า ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้แค่เพียงมีคุณสมบัติครบถ้วนของสาวน้อยอย่างที่แฮร์รี่ แซนบอร์นจะนัดออกเดท แต่ยังเป็นคนที่เหมาะจะรับบทลูกสาวของเอริก้า มีผู้เข้าแข่งขันหลายคนที่ดูน่าจะเป็นคู่เดทของแฮร์รี่ได้ แต่มันมีความพ้องกันหลายอย่างของเรื่องนี้กับชีวิตส่วนตัวของอาแมนด้า และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันสะดุดเข้ากับเธอที่จะให้รับบทนี้"
สำหรับบทนักแสดงสนับสนุนนั้น ไมเออร์สได้คัดจากนักแสดงมือดีอย่าง จอน ฟาฟโร ให้มาเป็นลีโอ ผู้ช่วยเหลือที่ซื่อสัตย์ของแฮร์รี่ และผู้ที่ไม่ค่อยให้ใครได้เห็นผลงานแสดงอย่างดาราที่กลายเป็นผู้กำกับอย่าง พอล ไมเคิล เกลเซอร์ จากเรื่อง Starsky and Hutch star-มารับบท เดฟ อดีตสามีของเอริก้า "สิ่งเดียวที่ทำให้เกิดเป็นภาพยนตร์ขึ้นมา" เกลเซอร์กล่าว "ซึ่งตรงข้ามกับเรื่องผิดกฎหมาย ทนายความ สายลับ หรือแนวคิดของนักธุรกิจ ก็คือ อารมณ์ แนนซี่มีอารมณ์ และเธอยังเป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์เหนือธรรมดากับมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้"
ไมเออร์สยังได้รวบรวมบรรดาทีมงานเบื้องกลังกล้องที่มีความสามารถอันดับต้นๆ เอาไว้อีกด้วย รวมถึงผู้อำนวยการสร้าง บรูซ เอ บล็อค ที่ร่วมงานครีเอทีฟกับเธอมาอย่างยาวนาน และผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง ไมเคิล บอลเฮาส์ และผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ จอน ฮัตแมน (ที่เพิ่งได้สร้างผลงานไว้ใน What Women Want) "ไม่มีใครที่ผมเคยรู้จักที่จะเพียบพร้อมได้เท่ากับแนนซี่ ในการสร้างชีวิตให้ตัวหนังสือจากสคริปท์ในรูปแบบของภาพยนตร์ได้" บล็อคตั้งข้อสังเกตุ "จากหน้ากระดาษสู่จอ เหมือนการวิ่งไปบนถนนที่เรียบและมั่นใจ"--จบ--
-นห-