กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
ลีสซิ่งกสิกรไทยผ่าน 9 เดือนแรก กวาดสินเชื่อไปแล้ว 44,137 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 47.12% ทะลุเป้าสินเชื่อทั้งปีเรียบร้อย รับน้ำท่วมกระทบธุรกิจรถยนต์ ยอดขายหาย 4 หมื่นคัน สินเชื่อหด 5 หมื่นล้านบาท พร้อมออกมาตรการช่วยลูกค้าลดยอดผ่อน ยืดเวลาชำระ
นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัท ใน 9 เดือนแรกของปี 2554 มีการเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนในทุกด้าน โดยบริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 44,137 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ประมาณ 47.12% สูงกว่าเป้าหมายสินเชื่อรวมทั้งปีที่บริษัทตั้งไว้ที่ 43,304 ล้าน บาท
ในจำนวนนี้เป็นยอดสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่ง (Hire Purchase and Financial Lease) จำนวน 26,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 32.34% และเป็นยอดสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan) จำนวน 17,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 77.83%
สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมดของบริษัท (Outstanding Loan) มีมูลค่า 64,946 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ประมาณ 26.21% ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่เกิดให้ก่อรายได้ (NPL) อยู่ที่เพียง 0.88% ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.27% มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 342.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.96% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรในช่วงเดียวกันของปี 2553
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นไปในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดสินเชื่อของลีสซิ่งกสิกรไทยสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ดีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ได้มีปัจจัยเรื่องอุทกภัยเข้ามา ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้รับผลกระทบ ทั้งในด้านกำลังการผลิตและกำลังซื้อในตลาด
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสถานการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศปี 54 แม้ว่าจะมีนโยบายรถยนต์คันแรกเข้ามาช่วยอยู่บ้าง แต่จากบรรยากาศที่ซบเซา ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะน้ำท่วม ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มต้องสูญเสียรายได้ในปัจจุบัน ขณะที่หลายกลุ่มก็มีความกังวลต่อรายได้ในอนาคต นอกจากนี้นโยบายรถยนต์คันแรกจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปีหน้า ทำให้เป็นปัจจัยที่อาจจะฉุดให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศไม่สูงเท่ากับที่ประเมินไว้
ทั้งนี้จากประมาณการณ์ที่วางไว้เมื่อต้นปี ที่คาดไว้ว่า นโยบายรถยนต์คันแรกอาจกระตุ้นตลาดรถยนต์ปี 2554 ให้สามารถแตะระดับ 9.4 แสนคันได้ แต่จากปัจจัยลบจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีการปรับประมาณการณ์ยอดขายรถยนต์ปีนี้ โดยในกรณีที่ไม่รุนแรงมากและสามารถฟื้นกลับคืนมาได้เร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ อาจทำให้ยอดขายรถยนต์ยังคงรักษาระดับอยู่ในกรอบเดิมที่ไม่ต่ำกว่า 9 แสนคันได้ แต่คงไม่สามารถทำได้ถึงกรอบบนที่ 9.4 แสนคัน โดยรถที่ได้ประโยชน์มากกว่าจะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งมีกรุงเทพฯ เป็นตลาดหลัก ขณะที่รถปิกอัพอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในต่างจังหวัดและผลผลิตทางการเกษตรที่ลดต่ำลง แต่ในกรณีที่สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้พอสมควร ก็อาจจะกระทบกับตลาดรถยนต์รวมในประเทศปีนี้อย่างแน่นอน
จากยอดการผลิตและกำลังซื้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน จากที่คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2554 ยอดสินเชื่อในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ทั้งตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 6.5 แสนล้านบาท แต่ผลจากน้ำท่วมครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ยอดสินเชื่อทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 6 แสนล้านบาทเท่านั้น
สำหรับลูกค้าของลีสซิ่งกสิกรไทยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม บริษัทได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยลูกค้าบุคคลที่ใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว (Used Car) สินเชื่อรถช่วยได้ และสัญญาเช่าทางการเงิน จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและเบี้ยปรับล่าช้า และจะได้รับเสนอโปรแกรมปรับลดยอดการผ่อนชำระและปรับยืดเวลาการชำระค่างวด โดยลูกค้าที่เป็นหนี้ขาดผ่อนชำระไม่เกิน 30 วัน ณ ปัจจุบัน สามารถปรับลดการผ่อนค่างวดรายเดือนสูงสุดไม่เกิน 50% ของยอดผ่อนชำระปกติ เป็นระยะเวลานานสูงสุด 12 เดือน และขยายระยะเวลาการผ่อนชำระจากสัญญาเดิมสูงสุดไม่เกิน 6 เดือนและรวมสัญญาเดิมต้องไม่เกิน 7 ปี ส่วนลูกค้ากลุ่มดีลเลอร์รถยนต์ ที่ใช้บริการสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan) ทางบริษัทฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นราย ๆ ไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถฟื้นฟูและกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด
ลูกค้าลีสซิ่งกสิกรไทยที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อขอรับมาตรการความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์บริการธุรกิจลีสซิ่งกสิกรไทย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KLeasing Call Center 0 2696 9999
นายอิสระกล่าวตอนท้ายว่า สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายจังหวัดในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์และยอดสินเชื่อเช่าซื้อในช่วงที่เหลือของปี แต่อย่างไรก็ตาม จากการประมาณการณ์เบื้องต้น ในกรณีที่ยอดสินเชื่อเช่าซื้อหดตัวสำหรับ 3 เดือนสุดท้าย น่าจะส่งผลกระทบต่อผลดำเนินการของลีสซิ่งกสิกรไทยเล็กน้อย เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวม ได้ทำเกินเป้าหมายไปแล้ว ซึ่งส่วนที่เกินนี้น่าจะสามารถชดเชยกับยอดที่หายไปในช่วง 3 เดือนหลังได้ ทำให้ผลงานบริษัทในปี 2554 โดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ พบว่าปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของบริษัทฯ ถือได้ว่ายังอยู่ในระดับต่ำดังนั้นหากจะมีการปรับเพิ่มขึ้น ก็น่จะยังคงอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้