กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--PRdd
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ไม่ได้ส่งผลต่อการปรับตัวของราคาทองคำแต่อย่างใดเพราะราคาทองคำในประเทศนั้นจะอิงกับราคาทองคำในตลาดโลกเป็นหลัก แต่หากพิจารณาอีกแง่มุมนึง สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทางอ้อมผ่านทางอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจในประเทศอย่างรุนแรง โดยธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายของเศรษฐกิจไทยจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆได้รับผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ และจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอาจอ่อนตัวลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำได้
นอกจากนี้ปัญหาดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณการซื้อขายทองคำในประเทศลดลงอย่างชัดเจน เพราะนอกจากได้รับผลกระทบจากการปรับฐานของราคาทองคำโลกแล้ว ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังเบี่ยงเบนความสนใจนักลงทุนต่อการลงทุนไปได้มาก ขณะที่ธุรกิจร้านทองต้องปิดตัวลง เพราะเกิดความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งหากยังไม่สามารถหาจุดจบของปัญหาได้เชื่อว่าปริมาณการซื้อขายทองคำในประเทศยังคงซบเซาต่อไป
นางสาวฐิภา กล่าวว่า เนื่องจากในขณะนี้ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงปรับฐานใหญ่ ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะนำให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา บริเวณ1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (24,510 บาทต่อบาททองคำ) หรือ 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (24,070 บาทต่อบาททองคำ) เป็นจุดสะสมที่น่าสนใจ และขายทำกำไรในบริเวณแนวต้านสำคัญคือ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (25,170 บาทต่อบาททองคำ) หรือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (25,540 บาทต่อบาททองคำ) ส่วนนักลงทุนที่ติดตามสถานการณ์ราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง อาจมีการเก็งกำไรได้บ้าง แต่ต้องตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดขายทำกำไรให้ชัดเจนเพื่อลดความเสียหายของพอร์ตการลงทุน