กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำ ในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในกรณีที่มีมวลชนเข้ารื้อเขื่อนบริเวณคลองประปา ว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่ทำให้น้ำเข้าสู่ระบบการระบายน้ำ แต่จะกลับเลวร้ายยิ่งขึ้นเพราะจะทำให้น้ำเสียที่ท่วมอยู่ไหลเข้าคลองประปา ส่งผลต่อการผลิตน้ำประปาโดยตรง และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคน้ำประปาเป็นล้านคน เช่นเดียวกับกรณีการที่มวลชนกดดันให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวา จะส่งผลให้น้ำเข้าในคลองแสนแสบสูงเกินจะควบคุม อีกทั้งทำให้พื้นที่ด้านตะวันออก ทั้งนิคมอุตสาหกรรมและบ้านเรือนประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงเป็นอย่างสูง
ดร.ธีระชน ย้ำด้วยว่า การเปิดประตูระบายน้ำที่คลองสามวาจะทำให้พื้นที่น้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ รุนแรงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการลดระดับน้ำในฝั่งด้านนอกประตูได้ตามที่เข้าใจคาดเคลื่อน ดังบทเรียนที่ปรากฏแล้วที่คลองลาดพร้าว ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 800 ไร่ ท่วมเต็มพื้นที่แล้วในขณะนี้ แม้กระทั่งย่านวัชรพลและถนนนวมินทร์ที่อยู่ห่างจากจุดต้นน้ำถึง 10 กม. ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากน้ำไหลลงคลอง เมื่อคลองเอ่อล้นก็จะดันขึ้นตามท่อระบายน้ำ และท่วมขังถนนต่างๆ ลุกลามไปยังบ้านเรือนและสถานที่สำคัญในที่สุด ยิ่งกว่านั้นอาจเลวร้ายถึงขั้นทำให้พื้นที่ที่ความเสี่ยงน้อยและยังไม่ท่วมในขณะนี้อีกกว่า 20 เขต ได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ผลกระทบในขณะนี้จึงยังไม่อาจวางใจได้ ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
“ กทม.ขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนใจเย็นและอดทนต่อสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ได้โปรดอย่ากระทำการใดๆ ที่จะส่งเสริมให้สถานการณ์มีความเลวร้ายยิ่งขึ้นจนยากเกินจะแก้ไข ทั้งนี้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งในการจัดหาที่พัก เครื่องอุปโภค-บริโภค และการฟื้นฟูหลังน้ำลด ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่กำลังพยายามช่วยเหลือแก้ไขสถานการณ์ เนื่องจากวิกฤติในขณะนี้ต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อฟันฝ่าร่วมกันไปให้ได้” ดร.ธีระชนกล่าว