(ต่อ2) วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ เรื่อง RUNAWAY JURY

ข่าวทั่วไป Friday January 16, 2004 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
แฮ็กแมนกับฮอฟแมน
ยีน แฮ็กแมน และดัสติน ฮอฟแมน สองนักแสดงเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง เป็นเพื่อนรักกันมานานถึง 46 ปี ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนักเรียนการแสดงมาด้วยกันที่ Pasadena Playhouse ในปลายยุค 1950 และที่ยอดเยี่ยมก็คือ RUNAWAY JURY เป็นการร่วมงานภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขา
เมื่อแฮ็กแมนและอดีตภรรยาได้ย้ายมายังนิวยอร์ค ฮอฟแมนก็ได้ย้ายตามมาในอีกหลายปีถัดมา และได้พำนักอยู่ที่อพาร์ทเมนท์เล็กๆ ของพวกเขาในตอนแรกๆ อาศัยนอนในห้องครัวที่อยู่ติดกับอ่างอาบน้ำ ทั้งสองต่างดิ้นรนกับการเป็นนักแสดงในนิวยอร์ค หางานทำบนเวทีละครและหาเงินใช้ด้วยอาชีพแปลกๆ และยังเคยไปทำงานที่ Saks 34th Street และที่ Howard Johnson ซึ่งลงเอยด้วยการถูกไล่ออกทั้งคู่ แฮ็กแมนยังเคยทำงานให้กับ Padded Wagon Moving Company ซึ่งทำธุรกิจขนย้ายเฟอร์นิเจอร์จากที่อยู่อาศัยซึ่งไม่มีลิฟท์ และมักต้องแบกตู้เย็นไว้บนหลังบ่อยๆ และฮอฟแมนเคยทำงานเป็นคนสาธิตของเล่นที่ Macy's
ในตอนนั้น ทั้งสองไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองจะกลายมาเป็นนักแสดงชื่อดัง อย่าว่าแต่เป็นดาราหนังเสียด้วยซ้ำ อย่างที่ฮอฟแมนบอกว่า "ถ้าเผื่อในตอนนั้นมีพระเจ้าทางการแสดง หรือปีศาจก็ได้ มาบอกให้เราเซ็นชื่อบนเส้นประ และกลายเป็นนักแสดงประจำของโรงละครโอไฮโอไม่ต้องถึงขนาดละครนอกบรอดเวย์หรอก แต่ว่าจะต้องทำงานแสดงไปตลอดชีวิตของเรา เราก็คงรีบเซ็นกันแทบไม่ทัน สิ่งที่เราอยากได้ทำก็คืองานที่มั่นคงของนักแสดง"
"ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้แสดงหนัง" แฮ็กแมนบอก "เพราะมันยังอยู่ในยุคของงานระบบสตูดิโอ ที่นักแสดงต้องเซ็นสัญญา และหัวหน้าสตูดิโออยากได้ 'รุปร่างหน้าตา' เฉพาะของตัวแสดงนำ ผมว่ามันเป็นผลบวกของผม เพราะผมคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสได้เล่นหนัง ผมจึงพยายามทำงานหนักขึ้นบนเวที และเป็นเพราะว่าผมกับดัสตินอยู่ในนิวยอร์คนานพอที่จะทำให้มันเป็นประโยชน์กับเรา"
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป และหลังจากที่มีผลงานที่ได้รับการชื่นชมอย่างมากบนเวทีละคร ทั้งแฮ็กแมนและฮอฟแมนก็ได้ถูกคัดเลือกให้รับบทในภาพยนตร์ที่กลายเป็นจุดสร้างชื่อเสียงของพวกเขา สำหรับแฮ็กแมนในเรื่อง "Bonnie and Clyde" และสำหรับฮอฟแมนจากเรื่อง "The Graduate"
หลายปีของการทำงานที่สร้างชื่อให้จนโด่งดัง ในภาพยนตร์คลาสสิคมากมายที่ทำให้ทั้งสองกลายเป็นดาราแห่งตำนาน ในที่สุดแฮ็กแมนและฮอฟแมน ก็ได้มาร่วมงานกันเสียทีใน RUNAWAY JURY "เราเคยพยายามร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้ว" ฮอฟแมนกล่าว "แต่ทุกครั้งต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่ได้ผล มันเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้"
สำหรับฮอฟแมน สิ่งที่พิเศษสุดในการได้ร่วมงานกับแฮ็กแมนหลังจากที่เคยเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ก็คือแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยระหว่างทั้งสองในช่วงหลายปี "ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลักการที่เปลี่ยนไปมากที่สุดของการทำงานร่วมกันก็คือ เราไม่ได้รู้สึกต่างไปจากเมื่อครั้งที่เราได้พบกันเป็นครั้งแรกแม้แต่นิดเดียว เรายังเหนียวแน่นกับความพยายามที่จะเป็นของแท้ และในเวลาเดียวกันเราก็ยังมีความรู้สึกไม่มั่นคงเหมือนที่ยังคงมีอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และผมก็ไม่แน่ใจว่าความไม่มั่นใจเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือเปล่า"
แฮ็กแมนเห็นด้วย: "มันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ เพราะมันทำให้เราตื่นตัว มันเป็นเรื่องแปลกที่เราไม่เคยรู้สึกมั่นคง เราอยู่อย่างหมิ่นเหม่ตลอดเวลา"
"นั่นเป็นเรื่องที่เปิดเผยความจริงมาก" ฮอฟแมนกล่าว "ผมไม่คิดว่าเราทำอะไรต่างจากเมื่อ 46 ปีที่แล้ว ตอนที่เราเข้าเรียนการแสดงเป็นครั้งแรกด้วยกัน เรามาถึงกองถ่ายด้วยความหวาดหวั่นมากพอกับตอนที่เราไปถึงเพื่อแสดงฉากแรกของเราในตอนนั้นทีเดียว"
แฮ็กแมนและฮอฟแมนต่างเป็นแฟนของผลงานซึ่งกันและกัน "มีสองด้านของยีน แฮ็กแมน" ฮอฟแนกล่าว "เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงอย่างซื่อตรงและเป็นธรรมชาติในงานของเขา เขาฉลาดและมีอารมณ์ขันยอดเยี่ยม ที่เขาสามารถนำมาใช้ในการทำงานเป็นตัวละคร ส่วนอีกด้านหนึ่งของเขา ซึ่งผมไม่คิดว่ามีใครจะได้เห็นมากนัก ก็คือเขาอาจเป็นหนึ่งในสองหรือสามนักแสดงที่สวมบทตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ หากเราจะดูจากผลงานที่ผ่านมาของเขาแล้ว เขาสามารถจะรับบทใน `Scarecrow' ไปจนถึง `Young Frankenstein' กระทั่งเป็น Popeye Doyle ในเรื่อง `The French Connection' และ 'The Conversation' จนกระทั่งถึงบท ฟิตช์ใน RUNAWAY JURY เราจะเห็นได้ถึงความแตกต่างของตัวละครเหล่านั้น และการทำงานของเขา เขาเป็นนักแสดงที่ไม่ธรรมดา เป็นทั้งผู้มีฝีมือและศิลปิน"
แฮ็กแมนก็มีความนับถือที่คล้ายคลึงกันต่อผลงานมากมายของฮอฟแมน "กับการแสดงในหนังอย่าง 'Tootsie,' 'Midnight Cowboy' และ 'Rainman' เขาได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ เขายอมรับโอกาสครั้งใหญ่ การทำงานใหญ่ ซึ่งผมชื่นชอบสำหรับการแสดง หลายครั้งที่เราอาจทำพลาด แต่หลายครั้งมั้นก็เป็นงานที่ยอดเยี่ยม และผมคิดว่าเขามีเปอร์เซนต์สูงกว่าในความพยายามเหล่านั้น มากกว่าใครคนอื่นในอาชีพเดียกวัน"
แฮ็กแมนกล่าวว่าแรงพลังระหว่างฟิตช์และรอห์นับเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น "ฟิตช์ทำงานด้วยขั้นตอนที่ผิดกฎหมาย แม้ว่าเขาควรจะเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาคณะลูกขุน เขาก็ล้ำเส้นไปเกินกว่าสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และรอห์ก็เป็นทนายความที่มีจริยธรรมสูงส่ง ในขณะที่รอห์เป็นคนที่เคารพกฎอย่างมาก ฟิตช์จะเป็นคนที่ไม่สนใจกฎใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากันในตอนท้ายของเรื่อง คนดูจะสามารถจินตนาการได้ว่าความขัดแย้งชนิดไหนที่กำลังจะเกิดขึ้น"
ฮอฟแมนและแฮ็กแมนมองเห็นตัวละครของตนเองว่าเป็นรูปแบบแรกเริ่ม "ผมเป็นตัวแทน สิ่งนี้; เขาเป็นตัวแทน สิ่งนั้น" ฮอฟแมนกล่าว "รอห์เป็นคนที่มีความผิดปกตินี้ เขาปฏิเสธที่จะขายจิตวิญญาณของตน ที่จะลดระดับมาตรฐานและจรรยาบรรณของเขา ฟิตช์เป็นคนที่เห็นได้ทั่วไปในทุกวันนี้ เราเห็นเขาได้ในฮอลลีวู้ด ในเมดิสัน เอเวนิว เขาเป็นคนที่จะทำทุกอย่างที่จะเอาตัวรอดได้ แต่ภายใต้ทุกสิ่ง เหมือนอย่างที่เราทุกคนรู้สึก แม้ว่าเราจะไม่ต้องพูดถึงมัน ว่าคนเหล่านี้เหมือนกันไปหมด ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิ่งที่ตรงข้ามและการมีจุดหมายในมุมมองของแต่ละคนก็ตาม"
ถึงแม้ว่าแฮ็กแมนและฮอฟแมนจะปรากฎอยู่ร่วมกันในหลายฉากของห้องพิจารณาคดีทั้งสองกลับแลกเปลี่ยนบทสนทนากันเพียงครั้งเดียว ระหว่างการพบปะและเผชิญหน้ากันในภายหลัง ซึ่งฉากนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาฉากเด่นของภาพยนตร์
"ฉากการเผชิญหน้าของแฮ็กแมน/ฮอฟแมนนับเป็นตัวอย่างของผลดีอย่างมากที่ได้รับจากการซ้อมบท" เฟลเดอร์กล่าว "เรามีหนึ่งวันเพื่อทำงานเป็นเวลา 12 ช.ม. ที่จะถ่ายฉากความยาว 5 หน้ากระดาษนั้น ซึ่งดูน่าจะเป็นการถ่ายสองวันมากกว่า เราซ้อมฉากนี้เป็นเวลา 5 ช.ม.หนึ่งวันล่วงหน้าของการถ่ายทำจริง เราใช้เวลาอ่านและคุยกันเกี่ยวกับทุกจังหวะพูด เราปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และตัดบางประโยคออก แล้วก็คุยกัน แล้วเราก็วางตัวและจัดฉาก สำหรับเฟลเดอร์ การกำกับฉากนั้นกับสองดาราดังแห่งตำนานนับเป็น "จุดเด่นของอาชีพของผม ความผิดพลาดย่อมเกิดได้แน่นอน แต่มันก็ไม่ได้เกิด และคืนนั้นผมก็ไปดื่มต่อกับยีนและดัสติน หลังจากที่พวกเขาไปเล่นเกม Hornets กันมา ซึ่งพวกเขาปลาบปลื้มกันเป็นอันมากเพราะรู้ว่าทำสำเร็จแล้ว"
นักแสดง
จอห์น คูแซค (นิค อีสเตอร์) เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงที่มีความสามารถหลากหลายของฮอลลีวู้ด เขาได้รับคำวิจารณ์อย่างมากมายสำหรับการแสดงของเขาในบทนักตุ๋นหนุ่มหัวแหลมในภาพยนตร์ของสตีเฟ่น เฟรียร์เรื่อง' "The Grifters" และได้รับรางวัลนักวิจารณ์ในการแสดงของเขาในเรื่อง "Eight Men Out," "Say Anything" และ "The Sure Thing" เขายังเคยรับบทที่แสดงความระลึกถึงที่สร้างความประทับใจ ในภาพยนตร์ของโรเบิร์ต อัลต์แมนเรื่อง "The Player" และหนังของทิม ร็อบบินเรื่อง "Bob Roberts"
เมื่อต้นปีนี้ คูแซคได้แสดงใน "Identity" ภาพยนตร์ระทึกขวัญซึ่งกำกับการแสดงโดย เจมส์ แมนโกลด์และร่วมแสดงโดย อาแมนด้า พีต, อัลเฟรด โมลิน่าและ เรย์ ลิออตต้า นี้ เมื่อเร็วๆนี้คูแซคได้แสดงในภาพยนตร์ของ Lion's Gate เรื่อง"Max" ซึ่งกำกับการแสดงโดย เมนโน่ เมย์เจส นี้ คูแซคได้รับบทเป็น `แม๊กซ์ ร็อธแมน' เจ้าของแกลเลอรี่ชื่อดัง ซึ่งได้พบกับเพื่อนทหารผ่านศึกสงครามที่อยากจะเป็นจิตรกร - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในปี 1918 ที่มิวนิคและสนับสนุนให้เขาได้วาดภาพ คูแซคยังได้เป็นผู้อำนวยการสร้างให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้ออกฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อปี 2002 ที่ Toronto Film Festival ก่อนหน้านี้ คูแซคได้แสดงคู่กับ เคธ แบ็คคินสเดน ในภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้เรื่อง "Serendipity," กำกับการแสดงโดย ปีเตอร์ เชลซัม และเรื่อง "America's Sweethearts" ร่วมแสดงโดย จูเลีย โรเบิร์ตส แคทธรีน ซีต้า โจนส์ และ บิลลี่ คริสตัล นอกเหนือจากนั้นยังแสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ของนิค ฮอร์นบี้เรื่อง "High Fidelity" คูแซคได้ร่วมอำนวยการสร้างในภาพยนตร์และร่วมเขียนบทกับหุ้นส่วนที่ New Crime สตีฟ พิงค์ และ ดี.วี. เดอวิเซนติส
ในปี 1999 คูแซคได้แสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับคำยกย่องจากนักวิจารณ์เรื่อง "Being John Malkovich" ซึ่งร่วมแสดงโดย แคทธรีน คีนเนอร์และคาเมรอน ดิแอซ โดยที่มัลโกวิชรับบทโดยตัวเขาเองในภาพยนตร์ซึ่งกำกับการแสดงโดย สไปค์ โจนส์ การแสดงของคูแซคได้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award ในสาขา Best Actor ในปีนั้นคูแซคยังได้ร่วมแสดงใน "Cradle Will Rock," ดราม่าชุดที่เขียนและกำกับฯ โดยทิม ร็อบบินส์ คูแซคได้รับบทเป็น เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ ซึ่งมีนักแสดงได้แก่ เอมมิลี่ วัตสัน, แครี่ เอลเวส ,แองกัส แม๊กเฟดเดน, ซูซาน ซาแรนดอน, แฮงก์ อาซาเรีย ,จอห์น เทเทอโร, รูเบ็น เบลดส์และ วาเนสซ่า เรดเกรฟ เขายังได้แสดงกับบิลลี่ ธอร์นตัน , แองเจลิน่า โจลี้และ เคต บลันเช็ต ในหนังคอมเมดี้ของ ไมค์ นีเวลล์เรื่อง "Pushing Tin" เขาได้รับบทนำในเรื่อง "The Jack Bull" ภาพยนตร์วัฒนธรรมตะวันตกเขียนบทโดยพ่อของเขา ดิก คูแซคทาง HBO นอกเหนือจากการแสดงในภาพยนตร์ คูแซคได้เป็นผู้อำนวยการบริหารร่วมกับสตีฟ พิงค์และ ดี.วี. เดอวิเซนติส ภายใต้ชื่อบริษัท New Crime Productions ของพวกเขา จอห์นรับบทพ่อค้าม้าจากไวโอมิงที่โกงเพื่อนหลังจากที่ได้ยึดม้าสองตัวและ 'Crow Indian' คนที่เป็นผู้ดูแลพวกมัน
ในปี 1998, คูแซคได้ร่วมทำงานในภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ เทอเรนซ์ มาลิค ในมหากาพย์การต่อสู้สงครามโลกครั้งที่สอง เรื่อง "The Thin Red Line" นักแสดงทั้งหมดนั้นได้แก่ จอร์จ คลูนีย์ , วู้ดดี้ แฮร์เรลสัน, นิค นอลเต้, แกร์รี่ โอล์ดแมน, ฌอน เพนน์, บิล พูลแมน และ จอห์น ทราโวต้า
ในปี 1997 คูแซคร่วมแสดงกับโจแอน คูแซค, แดน ไอครอยด์ และมินนี ไดรเวอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง "Grosse Point Blank" และเขาได้รับคำวิจารณ์ท่วมท้นจากงานคอมเมดี้ที่เขาได้อำนวยการสร้างและร่วมเขียนบท ซึ่งนับเป็นหนังเรื่องแรกที่ถูกสร้างโดยบริษัทของเขา ภายใต้ชื่อ New Crime Productions
ปีเดียวกันนั้น คูแซคได้แสดงกับนิโคลัส เคจ, จอห์ มัลโควิช และสตีฟ บัสเซมี ในภาพยนตร์เรื่องดัง "Con Air" กำกับการแสดงโดยไซมอน เวสท์ รวมทั้ง "Midnight in the Garden of Good and Evil" ซึ่งร่วมแสดงโดย เควิน สเปซีย์ และกำกับฯ โดยคลินท์ อีสท์วู้ด นอกจากนั้นคูแซคยังได้ให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาว "Anastasia" ซึ่งร่วมให้เสียงโดยเม็ก ไรอัน, คริสโตเฟอร์ ลอยด์ และเคลซี แกรมเมอร์
คูแซคยังได้ร่วมแสดงในหนังของแฮโรลด์ แบคเกอร์ เรื่อง "City Hall" และ ในหนังอีกสองเรื่องของวู้ดดี้ อัลเลน ในเรื่อง "Bullets Over Broadway" กับแชส พัลมินเทียรี่ , และ "Shadows and Fog" ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ "Tapeheads," "Fat Man and Little Boy," "Map of the Human Heart," "Postcards from the Edge," "True Colors," "Money for Nothing" และ "Road to Wellville"
นอกจากผลงานภาพยนตร์ของเขา คูแซคยังได้ก่อตั้ง New Crime Theater Company ซึ่งตั้งอยู่ในชิคาโก และนับเป็นคณะละครชั้นนำแนวหน้าในอันดับถัดจาก The Steppenwolf Company เขายังได้กำกับละครอีกสี่เรื่อง รวมถึงเรื่องAlagazam...After the Dog Years และ Methusalem ซึ่งทำให้เขาได้รับ Jeff Citation for Best Director จาก Joseph Jefferson Awards ที่โด่งดังของชิคาโก ละครเรื่องนี้ยังได้รับรางวัล Best Original Music และ Best Costume Design เขายังเป็นผู้กำกับฯงานของฮันเตอร์ เอส ทอมสัน เรื่อง Fear and Loathing in Las Vegas
ขณะนี้ คูแซคร่วมกับหุ้นส่วน และนักเขียนบทคนใหม่ของ New Crime Productions สตีฟ พิงค์ และ ดี.วี. เดอวินเซนติส กำลังเจรจากับ New Line Cinema เพื่อดำเนินงาน เขียนบท และสร้างภาพยนตร์ หลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องคูแซคจะร่วมแสดงด้วย
(ยังมีต่อ)
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ