กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ผู้ว่าฯ กทม.ให้กำลังใจผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิง จ.ชลบุรี ยืนยันประชาชนทุกนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ขณะที่กทม.และศปภ.เตรียมเดินหน้าบริหารจัดการน้ำด้านตะวันออกหลังปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-10 และซ่อมประตูระบายน้ำคลองสามวา หากไม่มีน้ำเหนือเพิ่มเติมคาดว่าจะสามารถแก้ไขได้เร็ว แต่ยังห่วงพื้นที่ด้านตะวันตกต้องเร่งสูบน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย ณ ค่ายนวมินทราชินี อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยซึ่งอพยพและเคลื่อนย้ายจากพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ เขตสายไหม บางพลัด บางแค และหนองแขม ไปยังศูนย์พักพิงภายในค่ายนวมินทราชินี ซึ่งได้แบ่งศูนย์พักพิงออกเป็น 4 ศูนย์ย่อย ประกอบด้วย มณฑลทหารบกที่ 14 , กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ รวมจำนวนประมาณ 500 คน ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวแสดงความขอบคุณผู้บังคับบัญชามณฑลทหารบกที่ 14 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และเทศบาลตำบลดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี ที่ให้การดูแลประชาชนกรุงเทพฯ ที่ประสบอุทกภัยเป็นอย่างดี ซึ่งในเบื้องต้นแม้จะรับทราบข่าวว่าได้รับการดูแลอย่างดีแต่ก็อดห่วงไม่ได้ และเมื่อเดินทางมายังศูนย์พักพิงปรากฏว่า ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขในระดับหนึ่งภายใต้สถานการณ์อุทกภัย แม้ว่าจะไม่สะดวกสบายเหมือนที่อยู่อาศัยของตน และทุกคนยังมีความห่วงใยในทรัพย์สิน ที่พักอาศัย และสัตว์เลี้ยง แต่ชีวิตของทุกคนก็มีความสำคัญ อย่างไรก็ตามการที่ประชาชนเคลื่อนย้ายมายังศูนย์พักพิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก สตรีมีครรภ์ รวมถึงสัตว์เลี้ยง นับเป็นการตัดสินใจถูกต้อง เนื่องจากประชาชนจะได้รับการดูแลอย่างดีทั้งด้านอาหาร น้ำดื่มสุขอนามัย หลีกเลี่ยงปัญหาไฟฟ้าช็อต และปัญหาขยะ เป็นต้น
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กทม.ได้ร่วมกับ ศปภ.ในการบริหารจัดการน้ำด้านกรุงเทพตะวันออก ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา เนื่องจากปริมาณน้ำจำนวนมากเมื่อครั้งยังเปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-10 และประตูระบายน้ำคลองสามวาถูกรื้อทำลาย ทำให้น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่เขตคลองสามวาและบางส่วนของมีนบุรี ดังนั้นจำเป็นยิ่งที่จะต้องเร่งบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพตะวันออกให้เข้าสู่ระบบบการระบายน้ำ และสกัดไม่ให้น้ำจากคลองรังสิตทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ไม่ให้เข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ กทม. มีความห่วงใยพื้นที่กรุงเทพตะวันตก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำเหนือไหลผ่าน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และน้ำจาก จ.นครปฐม ขณะเดียวกันระบบการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพตะวันตกไม่ดีเท่ากับด้านตะวันออก จำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำจำนวนมากในการเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีน แต่เนื่องจากกทม.มีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวนมากและขยายวงกว้างเรื่อยๆ ทำให้เครื่องสูบน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งกทม.ได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำแล้ว หากได้รับเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมคาดว่าจะช่วยเร่งระบายน้ำพื้นที่ตะวันตกได้ดียิ่งขึ้น
จากนั้น ผู้ว่าฯ กทม. เดินทางไปยังวิทยาลัยพลศึกษา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงขนาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางในการประสานงานเพื่อรองรับการอพยพของประชาชนจากพื้นที่ประสบอุทกภัย รวมจำนวน 10,000 คน ปัจจุบันมีผู้ประสบภัยเข้าพักใน จ.ชลบุรี รวมกว่า 4,600 คน เฉพาะในศูนย์พักพิงวิทยาลัยพลศึกษา เป็นจำนวนกว่า 3,500 คน โอกาสนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 600 ถุง และขนมสำหรับเด็ก ซึ่งใช้งบประมาณส่วนตัว มอบให้แก่ผู้บริหารวิทยาลัยพลศึกษาเพื่อส่งต่อไปยังผู้ประสบอุทกภัย