กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--กระทรวงพลังงาน
กระทรวงพลังงาน ย้ำไม่รีบปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม หากโอกาสยังไม่เอื้ออำนวยหวั่นกระทบผู้ใช้ก๊าซฯ 4 ล้านครัวเรือน ชี้ไตรมาส 2 ของปีนี้ เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มภายในปี 2547 ซึ่งเร็วขึ้นจากแผนเดิม 1 ปี (ปี 2548) เพื่อให้ราคาขายก๊าซหุงต้มปรับขึ้นลงสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันในปัจจุบัน จำเป็นต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซหุงต้มทั่วประเทศซึ่งขณะนี้มีกว่า 4 ล้านครัวเรือน
ปัจจุบันราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกอยู่ที่ระดับ 320 เหรียญสหรัฐต่อตัน และคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 ราคาจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวอยู่ ทำให้ความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตามคาดว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 เชื่อว่าราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกน่าจะอ่อนตัวลงอยู่ในระดับประมาณ 250 - 270 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยหากราคาต่ำกว่า 250 เหรียญสหรัฐต่อตัน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะไม่ต้องชดเชยแต่อย่างใด ดังนั้นหากมีการปล่อยลอยตัวในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมเพราะราคาก๊าซหุงต้มจะไม่สูงขึ้น
"รัฐจำเป็นต้องเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การปล่อยราคาลอยตัว ไม่ทำให้ราคาสูงขึ้น และสาเหตุที่ต้องปล่อยให้ราคาก๊าซหุงต้มลอยตัวก็เพื่อลดภาระของผู้ใช้น้ำมันที่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 50 สตางค์ เพื่อนำมาชดเชยก๊าซหุงต้ม"
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันมียอดคงเหลือประมาณ 1,567 ล้านบาท โดยมีเงินชดเชยค้างชำระ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 เท่ากับ 3,019 กองทุนฯ ติดลบ 1,452 ล้านบาท ทั้งนี้มีรายได้จากน้ำมันจำนวน 982 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นรายจ่ายชดเชยก๊าซหุงต้ม จำนวน 538 ล้านบาทต่อเดือน และรายจ่ายชำหนี้ตามข้อตกลงกับผู้ผลิตก๊าซหุงต้ม จำนวน 400 ล้านบาท ทำให้กองทุนฯ มีรายได้สุทธิเท่ากับ 44 ล้านบาทต่อเดือน--จบ--
-นห-