กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--กระทรวงยุติธรรม
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 47 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผน ยุทธศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 1 / 2547 พร้อมกับลงนามคำรับรองการปฏิบัติราชการ (เซ็นสัญญาข้อตกลงในการทำงาน) ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม ชั้น 28 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจ) หัวหน้าส่วนราชการในกลุ่มภารกิจ เข้าร่วมลงนามข้อตกลงดังกล่าว ได้แก่ สำนักงานกิจการยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมบังคับคดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นัดประชุมติดตามผลงานที่ท่านได้ลงนามไว้กับนายกรัฐมนตรี และตนได้ลงนามไว้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้ากลุ่มภารกิจก็ลงนามรับจากตน และหัวหน้ากลุ่มภารกิจก็ลงนามกับ หัวหน้าส่วนราชการในกลุ่มภารกิจ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) มาเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ด้วย ส่วนเรื่องการประชุม เป็นการติดตามผลงานของแต่ละส่วนราชการ โดยจะให้มีการประชุมทุกเดือน หรือทุก 15 วัน เพื่อติดตามว่า ที่กระทรวงยุติธรรมได้ลงนามกับนายกรัฐมนตรีว่าจะทำงานตามแผน ที่ได้แถลงยุทธศาสตร์ต่อที่ประชุม ครม. ไว้นั้น ประสบความสำเร็จหรือมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เรื่องนี้เราต้องติดตามตลอดเวลา เพราะอาจมีปัญหาและอุปสรรค จะได้หารือเพื่อขอความเห็นและนำไปแก้ไข สำหรับภารกิจของหน่วยงาน ส่วนใหญ่ 90% ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือเรื่องการเข้าไปดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายรัฐบาล ตามมติ ครม. ที่ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม สำรวจว่า ควรจะไปดำเนินการอะไรบ้าง ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ช่วยเหลือประชาชน หรือทำให้ สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น กระทรวงยุติธรรมก็ได้เตรียมการโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเป็นเจ้าภาพในการประเมิน พร้อมประสานงานกับทุกกรมและกระทรวงอื่น ๆ เราจะไปรอบแรกใน วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อลงไปหารือในท้องที่ก่อน และจะกลับมาเพื่อวางแผนในการดำเนินการเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพอจะสรุป ได้ดังนี้คือ
1. เป็นลักษณะการเผยแพร่ความรู้และรับปรึกษาปัญหาด้านกฎหมาย เพราะบางครั้งประชาชนในพื้นที่นั้น อาจไม่ทราบว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เช่น การให้ที่หลบซ่อนกับผู้กระทำความผิด หรือควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อมีบุคคลมาขอความช่วยเหลือแบบนี้ 2. เป็นการสอบถามปัญหาในท้องถิ่นที่เกิดขึ้น เขามีความอึดอัดใจอะไรบ้างที่บอกกับบุคคลอื่นไม่ได้แต่อาจมีความกล้าที่จะบอกกับเรา เพราะเราไม่ได้เป็นคนเข้าไปจับกุมหรือสร้างปัญหาให้กับเขา แต่เราเข้าไปแก้ไข และจะไปเยี่ยมโรงเรียนปอเนาะ เพื่อให้เขาเกิดความอบอุ่นใจ เขามีปัญหาหรือไม่กับการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการ เราจะช่วยประสานงานให้ได้หรือไม่ รวมทั้งจะประชุม เจ้าหน้าที่และข้าราชการทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นว่า เราควรจะวางตัวกับประชาชนหรือเข้าถึงประชาชน อย่างไร และเราจะนำคนที่นับถือศาสนาอิสลามไปด้วยเพื่อให้เห็นว่า ที่กระทรวงยุติธรรมเราก็มีคน ต่างศาสนากัน แต่ก็อยู่ร่วมกันได้โดยเรียบร้อย เพราะเราไม่ถือว่า ตรงนั้นเป็นปัญหา ทุกคนมีสิทธิ์ของตนเอง เราให้ความเคารพในทุกศาสนา ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เราจะดำเนินการโดยเร็ว ภายใน 2 เดือนนี้เราจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย นอกจากนี้ เราได้ประสานงานกับอัยการเพื่อช่วยเหลือเรื่องการให้ความรู้ด้านกฎหมายด้วย--จบ--
-รก-