กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” มั่นใจปีหน้าอุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และความต้องการใช้เหล็กซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างหลังอุทกภัยครั้งใหญ่ "อนาวิล จิรธรรมศิริ" เผยวางเป้าหมายเพิ่มการผลิตและการขายอีก 20% จาก 3 แสนตัน เป็น 3.6 แสนตัน เพื่อรองรับความต้องการของตลาด ขณะปี 54 เชื่อดันรายได้เข้าเป้า 5 พันลบ.สำเร็จ หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 2.8 พันลบ.
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว(Billet)รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2555 ว่า มีทิศทางขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2554 จากการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกันภายหลังสถานการณ์อุทกภัย ยังก่อให้เกิดความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน และทางยกระดับ เพิ่มขึ้นซึ่งสะท้อนให้ยอดขายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
“ก่อนหน้าที่จะเกิดอุทกภัย ดีมานด์ในอุตสาหกรรมเหล็กยังสดใส ในขณะที่ซัพพลายในประเทศไม่เพียงพอ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าความต้องการเหล็กในประเทศทั้งระบบปีหน้าจะขยายตัวประมาณ 10 — 14% แต่หลังจากเกิดอุทกภัยเชื่อว่าความต้องการใช้เหล็กเพื่อซ่อมสร้างสิ่งปลูกสร้างยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน และบริษัทฯ ได้มองเห็นถึงความต้องการดังกล่าวจึงได้วางเป้าหมายขยายการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% จากการผลิตในปี 2554 ทั้งปีประมาณ 300,000 ตัน/ปี เป็นประมาณ 360,000 ตัน/ปี ในปีหน้า" นายอนาวิลกล่าว
เขากล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิต เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการผลิตเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ที่ไม่ได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กต่อเนื่อง มีกำลังการผลิตสูงสุด 450,000 ตันต่อปี และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตประมาณ 57% สำหรับปัจจัยที่ทำให้สินค้าของบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทฯ ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ในขณะที่ไม่ทำธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กแข่งขันกับลูกค้า ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้า ประกอบกับการส่งมอบสินค้าเที่ยงตรงตามเวลาทันต่อความต้องการจึงทำให้ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอดังกล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 2554 บริษัทฯ ได้วางเป้ารายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมแล้วประมาณ 2,800 ล้านบาท และเชื่อว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะยังเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้ส่งมอบสินค้าตามคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบยาวถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว