พม.ร่วมกับกระทรวงแรงงาน และสภากาชาดไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพ่อแม่ เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์

ข่าวทั่วไป Wednesday January 21, 2004 12:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพ่อแม่ เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์” ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ เมื่อวันอังคารที่ 20 มกราคม 2547 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 9 อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สภากาชาดไทย กรุงเทพฯ
นางมยุรา มนะสิการ โฆษกประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอดส์ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก สถานพยาบาล และหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้ทำการวิจัยและผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อใช้ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอดส์ ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอดส์ พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณยาต้านไวรัสเอดส์ให้กับผู้ที่ติดเชื้อที่ยากจน โดยในระยะแรกจะเน้นการรักษาหญิงหลังคลอดและครอบครัวก่อน แต่เนื่องจากงบประมาณดังกล่าวมีจำนวนจำกัด ทำให้ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสตรีและครอบครัวที่ติดเชื้อเอดส์ได้อย่างทั่วถึง ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้ทำการรณรงค์หาผู้บริจาคเพื่อจัดซื้อยาต้านไวรัสเอดส์แก่หญิงตั้งครรภ์ที่ยากจน ช่วยให้การติดเอดส์จากแม่สู่ลูกที่คลอดออกมาลดลงจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 5 และจากความสำเร็จของโครงการดังกล่าว ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ได้ขยายผลโดยการทำโครงการต่อเนื่อง คือ โครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่ เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์ขึ้น เพื่อนำเงินบริจาคที่เป็นค่ายาส่วนหนึ่งของพ่อ แม่ และลูก ที่ยังติดเชื้ออยู่ ไปพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพ่อ แม่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546
นางมยุรา กล่าวต่อไปว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า ผู้ติดเชื้อบางรายป่วยหนักมาก่อนเข้าร่วมโครงการ อาจต้องลาออกจากงาน หรือถูกไล่ออกจากงานเพราะสุขภาพทรุดโทรม หรือเพราะว่านายจ้างทราบว่าติดเชื้อ และเมื่อเข้ารับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแล้ว กว่าร่างกายจะกลับมาแข็งแรงใหม่ ก็ต้องใช้ระยะเวลา ทำให้ประสบปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตระหนักดีว่าผู้ติดเชื้อที่อยู่ในโครงการฯ ดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางด้านสังคม และการดำรงชีพไปพร้อม ๆ กัน จึงได้ร่วมกับกระทรวงแรงงาน และศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย จัดทำ “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพ่อแม่ เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์” ขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่และอาชีพแก่พ่อแม่ที่อยู่ในโครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่ เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์ ในระยะ 6 — 12 เดือนแรก ที่พ่อแม่เหล่านี้ได้รับยาต้านไวรัส โดยใช้ทรัพยากรและงานบริการประชาชนที่ดำเนินการอยู่เสริมการดำเนินงานของโครงการของสภากาชาดไทย ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือพ่อแม่ที่ติดเชื้อให้มากที่สุด
โฆษกประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวตอนท้ายว่า การลงนามดังกล่าว ทั้ง 3 หน่วยงาน จะร่วมกันให้การช่วยเหลือผู้ติดเชื้อหลังคลอดและครอบครัว จำนวน 500 คน หรือ ประมาณ 200 ครอบครัว ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะสนับสนุนเกี่ยวกับการสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ ส่วนเด็กที่ติดเชื้อและไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ ก็จะรับอุปการะเข้าไว้ในสถานสงเคราะห์เด็ก นอกจากนี้ จะได้จัดให้มีการฝึกอาชีพแก่กลุ่มสตรีผู้ติดเชื้อ รวมทั้งสตรีที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ในศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรี ตลอดจนการสงเคราะห์เงินทุนประกอบอาชีพ เงินอุดหนุนการรวมกลุ่มประกอบอาชีพตามหลักเกณฑ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้นับเป็นโครงการนำร่องที่หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชน ร่วมกันดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยจะช่วยให้สตรีหลังคลอด สามี และลูกที่ติดเชื้อเอดส์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว พร้อมกับการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นเนื่องจากได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะได้ร่วมกับเครือข่ายทุกภาคส่วนของสังคมขยายผลการดำเนินงานไปสู่ระดับชาติต่อไป--จบ--
-สพ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ