กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2554 กำไรสุทธิ 152 ล้านบาท
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือนแรกของ ปี 2554 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิไตรมาส 3 และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2554
ในไตรมาส 3 ปี 2554 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 154.4 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 56 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.0159 บาทต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทฯ กำไรสุทธิทั้งสิ้น 152.6 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 87 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีจากวิธีการรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จเป็นวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานการรายงานทางด้านการเงินแบบใหม่ ซึ่งออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ ยังมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงเป็นจำนวน 182.1 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“ประเทศไทยได้ประสพอุทุกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่โดยเฉพาะทางภาคกลางตอนบนและทางด้านตอนเหนือของกรุงเทพฯ นับเปนโชคดีอย่างยิ่งที่มหันตภัยครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชทั้งหกแห่งแต่อย่างใด รวมถึงลูกค้าทั้ง 689 โรงงานด้วย ทั้งนี้เนื่องจากนิคมฯของเหมราชทั้งหมดตั้งอยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมและมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางค่อนข้างมาก ผลกระทบจากน้ำท่วมดังกล่าว ได้มีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของลูกค้าของเหมราชที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในวงจำกัด ในระหว่างบริษัทฯได้ทำการเปิดศูยน์ปฏิบัติการสำรองที่นิคมฯอีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อดำเนินการควบคู่ไปกับสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามปกติ และยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่พนักงานที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ นอกจากนี้เราได้ให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนนิคมอุตสาหกรรมอี่นๆด้วยการสนับสนุนทางด้านเทคนิคเพือให้นิคมฯเหล่านี้กลับมาดำเนินการได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด และยังให้การสนับสนุนแก่ชุมชนและรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย, เทคนิค, การเงิน, และ การให้ความช่วยเหลือพนักงาน
บริษัทเหมราชฯ ยังคงเป็นผู้นำในการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมรวมถึงการลงทุนของลูกค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และวัสดุอุตสาหกรรม ด้วยยอดขาย 1,212 ไร่ (485 เอเคอร์,196 เฮกเตอร์ ) ในช่วง 9 เดือนแรกของ ปี 2554
ภาคอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ได้รับผลกระทบดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับปี 2554 คาดว่าจะการผลิตจำนวน 1,600,000 คัน ลดลงจากที่ได้มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้คือ 1,800,000 คัน (ลำดับที่12 ของโลก) และคาดว่าจะมีการฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติในปี 2555
นับจนถึงปัจจุบันในปี 2554 บริษัทฯได้เซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินไป 46 สัญญา และได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของรายได้ในปีนี้โดยเฉพาะรายได้จากการขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม และโรงงานสำเร็จรูปเพื่อขายหรือให้เช่า จึงขอยืนยันเป้าหมายยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมในปี 2554 จำนวน 1,700 ไร่ (680 เอเคอร์,275 เฮกเตอร์) เปรียบเทียบกับ 1,200 ไร่ (480 เอเคอร์,194 เฮกเตอร์) ที่เคยได้ประมาณการในช่วงต้นปี
รายได้ที่สามารถรับรู้ได้จนถึงปัจจุบันที่ลดลง มาจากการเปลี่ยนแปลงระบบมาตรฐานบัญชีในประเทศไทยในปี 2554 บริษัทฯคาดหวังว่าการรับรู้รายได้ของนิคมอุตสาหกรรมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกตินับจากไตรมาสที่ 3 ปี 2554 เป็นต้นไป และรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมที่สามารถรับรู้ได้สำหรับปี 2554 จะสูงกว่ารายได้จากปีก่อน(ก่อนปรับปรุง)
ในปีนี้ บริษัทฯมีการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในนิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค โรงงานสำเร็จรูป และโลจิสติกส์ปาร์คแห่งใหม่ ในขณะที่ยังรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้แข็งแรง การลงทุนนี้ได้รวมถึงการลงทุน 4.4 พันล้านบาท ในธุรกิจพลังงานที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 35 ในโครงการเก็คโค่-วัน ที่จะเปิดดำเนินการในช่วงต้นของปี 2555
เนื่องจากรายได้ทั้งจาก นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และรายได้ค่าเช่าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนำมาซึ่งการขยายฐานรายได้ให้กว้างขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ และจากการมาตรฐานบัญชีใหม่ที่บันทึกรายได้จากการโอนที่ดินจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆซึ่งจะสะท้อนถึงการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก ปี 2554
บริษัทฯได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีในประเทศไทย สำหรับ 9 เดือนแรก ปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 2,605.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 3,399.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 2,432.0 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 37 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกปี2554 ซึ่งรวมกำไรจากนิคมอุตสาหกรรมร่วมของบริษัทฯ มีจำนวน 920.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ที่ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 นี้ ยังมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 1,854 ล้านบาทด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานการรายงานทางด้านการเงินแบบใหม่ ซึ่งออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จากการรับรู้ตามการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-12 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 880.0 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 27 รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม กำไรและเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 691.0 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 38 ทั้งนี้ส่วนมากเนื่องมาจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 182.1 ล้านบาท จากโครงการไฟ้ฟ้าเก็คโค่ วันในปี 2554 เมื่อเทียบกับการได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 360.9 ล้านบาทในปี 2553 รายได้จากเช่าและการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 427.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 393.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 41
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,237.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 866.0 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 47% และ 33% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2554
- บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน1,212 ไร่ จาก 46 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 30 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 16 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 456 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 689 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 162 รายจากจำนวน 246 สัญญา
- รายได้จากยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ลดลงเนื่องจากความล่าช้าของการรับรู้รายได้อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของของมาตรฐานบัญชีซึ่งจะกลับมาเป็นปกติในไตรมาสที่4 ปี2554 เป็นต้นไป มีรายได้ที่รอการรับรู้เป็นจำนวน 1,854 ล้านบาท ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 4 ปี 2554
- รายได้จากสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการควบรวมกิจการของเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี(Hemaraj SIL) และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง (Hemaraj RIL) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2553
- บริษัทฯมีสัญญาเช่าโรงงานสำเร็จรูปจำนวนสุทธิ 14 สัญญา รวมพื้นที่ให้เช่า 29,679 ตารางเมตร รายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 แสดงให้เห็นถึงรายได้จากการเช่าและอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้น
งบดุลรวมสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2554
ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 18,077.4 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 9,347.2 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 8,730.2 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 0.81 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 2,725.8 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณกรณิการ์ พีรานนท์
โทร. 0-2314-6877-9 โทรสาร 0-2318-8847
www.hemaraj.com