กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
กลุ่มบริษัทสามารถฯ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2554 มีรายได้รวม 6,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 66 เปอร์เซนต์ มีกำไรสุทธิ 259 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 36 เปอร์เซนต์ ยันไม่หวั่นผลกระทบน้ำท่วม แต่ก็ไม่ประมาท พร้อมรับในทุกสถานการณ์ คาดรายได้รวมปี 2554 เป็นไปตามเป้า
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของกลุ่มสามารถฯ ว่ายังคงเป็นบวก โดยมีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 36เปอร์เซนต์ จากรายได้รวมทั้งสิ้น 6,241 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม ICT Solutions โดย บมจ. สามารถเทลคอม ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เพราะรายได้ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการภาครัฐที่มีสัญญาแน่นอน จึงคาดว่าในปี 2554 สายธุรกิจนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 100 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา มีการเซ็นสัญญา ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ มูลค่าถึง 15,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการสำคัญๆ อาทิ โครงการ 3G ของทีโอที, โครงการวางระบบเครือข่ายการสื่อสารหลัก ( Backbone )ให้แก่กระทรวงกลาโหม, โครงการปรับปรุงระบบสื่อสารดาวเทียม สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, โครงการ CUTE ที่เชียงใหม่ และการต่อสัญญาโครงการ Schoolnet เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะมีข่าวดีเรื่องการชนะประมูล e-Auction โครงการ AMR เฟส 2 ของการไฟฟ้าส่านภูมิภาค มูลค่า 1,450 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในเดือน พ.ย นี้ ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี ตามแผนจะมีการเข้าประมูลโครงการต่างๆ อีก 7-8 โครงการ มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงต้องรอให้สถานการณ์น้ำคลี่คลาย จึงจะเห็นความชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังน้ำลด บริษัทฯ น่าจะมีรายได้เพิ่มเติมจากงานซ่อมแซมระบบและอุปกรณ์การสื่อสารของภาครัฐ ที่ชำรุดเสียหายจากปัญหาอุทกภัย
ส่วนสายธุรกิจ Mobile Multimedia นำโดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ก็ได้รับผลกระทบบ้างจากปัญหาน้ำท่วม โดยมีรายได้ไตรมาส 3 ทั้งสิ้น 2,032 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท สาเหตุหลักที่กำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องลดลงผนวกกับมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ค่าเงินบาทได้กระเตื้องขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาภาพรวมรายได้ของกลุ่มฯ พบว่ารายได้และกำไรจากการให้บริการ Content มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทฯ จึงเน้นการสร้างรายได้ประจำจากค่าบริการ Content และ MVNO เพื่อรองรับปริมาณความต้องการในการใช้งานข้อมูลผ่านโครงการข่าย 3G ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวมือถือใหม่ๆ ในระบบ 3G อีก 3 รุ่นในไตรมาส 4 โดยจะเน้นฟังก์ชั่นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทางด้าน Social Network นอกจากนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ประสบอุทกภัย บริษัทฯ ได้จัดเตรียมโปรโมชั่นเปลี่ยนเครื่องใหม่ราคาพิเศษสำหรับมือถือทุกรุ่น ทุกแบรนด์ โดยรับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท พร้อมรับบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องฟรี และส่วนลดสำหรับอะไหล่ 50 เปอร์เซนต์ รวมทั้งจำหน่ายสายชาร์จโทรศัพท์ทุกรุ่นในราคาเพียง 99 บาท
ส่วนสายธุรกิจอื่นๆ ก็ยังมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ได้เซ็นสัญญาให้บริการระบบคอลล์เซ็นเตอร์หลายโครงการ อาทิ สำนักงานประกันสังคม, Thai Air Asia, TOT Call Center , Lotus Club Card เป็นต้น บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด มีรายได้สูงขึ้นจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการที่รัฐบาลกัมพูชาอนุมัติให้บริษัทฯ ขึ้นค่า Over-Flight Fee จำนวน 6 เปอร์เซนต์ ซึ่งถ้าคำนวนทั้งปี จะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 27 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจกล้อง CCTV ก็ยังมีการเติบโตที่ดี โดยทำรายได้ 9 เดือนของปีนี้ รวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท และมีโครงการที่รอประมูลอีกราว 700 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4 นายวัฒน์ชัยกล่าวว่า “เหตุอุทกภัยครั้งนี้ คงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงไตรมาส 4 และอาจต่อเนื่องไปถึงปีหน้า แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลจะมีมาตรการเร่งด่วนในการฟื้นฟูและมาตรการระยะยาวในการป้องกันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในแผนฟื้นฟูดังกล่าว ก็หวังว่าเราจะสามารถฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันและนำเอาประสบการณ์ที่ได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อมในอนาคต”