กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ไทยคม
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี 2554 วันนี้ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 16 ล้านบาท โดยธุรกิจดาวเทียมยังคงส่งผลดีอย่างต่อเนื่องจากที่มีการบันทึกผลกำไรสำหรับไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันรายได้รวมของบริษัทฯจำนวน 1,968 ล้านบาทในนี้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการงวดเก้าเดือนปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายและการให้บริการ ทั้งสิ้น 5,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ผลกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) สำหรับช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2554 จะเป็นบวกอยู่ที่ 98 ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลการขาดทุน 496 ล้านบาทในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553
“สำหรับธุรกิจดาวเทียมไทยคมยังคงมีผลประกอบการที่ดี ทั้งธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) และธุรกิจดาวเทียมไทยคม 5 ที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจหลักของเรายังคงแข็งแกร่ง” กล่าวโดยคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม
“ความต้องการสำหรับการใช้บริการดาวเทียมไทยคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของช่องโทรทัศน์ของดาวเทียม
ไทยคม 5 โดยในหนึ่งปีที่ผ่านมาเรามีช่องโทรทัศน์เพิ่มเป็นจำนวนเกือบ 100 ช่อง ส่งผลถึงความเป็น “Hotbird” ของดาวเทียมไทยคม 5 นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความต้องการสำหรับโครงการดาวเทียมไทยคม 6 โดยบริษัทฯได้มีการลงนามในสัญญาการจองช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 6 มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท กับบริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อเร็วๆนี้”
สำหรับไตรมาสสามปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการดาวเทียมและเกี่ยวเนื่องทั้งสิ้น 1,562 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 โดยมาจากรายได้จากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 5 จำนวน 603 ล้านบาท ในขณะที่มีรายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ 734 ล้านบาท และการขายไอพีสตาร์ 225 ล้านบาท
คุณศุภจี กล่าวต่อไปว่า “รายได้จากดาวเทียมไทยคม 5 ยังคงมีการเติบโตทั้งการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมและบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการนำเทปเพื่อส่งสัญญาณออกอากาศและการบีบอัดสัญญาณโทรทัศน์ สำหรับรายได้ของไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากความต้องการใช้แบนด์วิดท์ของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมียนม่าร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการจัดเก็บค่าบริการเกตเวย์ล่วงหน้าจากบริษัท เอ็นบีเอ็น จำกัด เพื่อการให้บริการบรอดแบนด์ไอพีสตาร์ในออสเตรเลียผ่านโครงการ NBN ดังกล่าว”
สำหรับการดำเนินงานส่วนอื่นๆ ของบริษัทฯ คือธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์ในลาวและกัมพูชาและธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตและสื่อ ยังคงเห็นผลประกอบการที่ลดลง โดยธุรกิจโทรศัพท์มีรายได้รวม 277 ล้านบาท ซึ่งลดลง 44 ล้านบาท ส่วนธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตและสื่อ มีรายได้ 129 ล้านบาท ซึ่งลดลง 100 ล้านบาท เมื่อเปรีบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2553
“การแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศกัมพูชายังคงรุนแรง โดยมีผู้ให้บริการถึง 9 รายสำหรับประเทศที่มีประชากรค่อนข้างน้อยเช่นนี้ ซึ่งทำให้มีการคิดราคาค่าบริการลูกค้าต่ำกว่าความเป็นจริง” คุณศุภจีกล่าวเพิ่มเติม “สำหรับในประเทศลาว รัฐบาลได้ออกกฎระเบียบที่ทำให้ตลาดมือถือกลับมามีเสถียรภาพ และทำให้ผลประกอบการของบริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ มีทิศทางที่ดีขึ้น”
“สำหรับผลการดำเนินงานในธุรกิจจาน DTV แม้ว่าจำนวนของจานดาวเทียมที่ขายในไตรมาส 3/2554 มียอดจำหน่ายจานลดลงจากยอดขายสะสมรวมที่ผ่านมา 12 เดือน แต่ก็มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเกือบ 300,000 ชุด จากจำนวนจานดาวเทียมที่จำหน่ายโดย DTV และพันธมิตรทำให้มีผู้ชมบนดาวเทียมไทยคมมากกว่า 1.29 ล้านจานในขณะนี้ ซึ่ง DTV ยังคงเป็นกลยุทธ์หนึ่งของบริษัทฯ ในการเพิ่มความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม”