กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมและขั้นตอนนำเสนอการระดมทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อนำโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานประเภทต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ได้แก่ ระบบขนส่งทางราง ไฟฟ้า ประปา ถนนหรือทางพิเศษ ทางสัมปทาน ท่าอากาศยาน ท่าเรือน้ำลึก โทรคมนาคม และพลังงานทางเลือกในการผลิตไฟฟ้า ระดมทุนจากนักลงทุนสถาบันและประชาชนทั่วไป อันจะทำให้รัฐบาลสามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นการแบ่งเบาภาระการคลังของรัฐบาลในระยะยาว รวมทั้งเป็นการช่วยพัฒนาตลาดทุน และช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับรัฐวิสาหกิจ โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. สิทธิประโยชน์ทางภาษีและค่าธรรมเนียม
(1) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
(1.1) ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นและกองทุนรวม สำหรับรายรับและการกระทำตราสารจากการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สินให้แก่กองทุนรวมฯ โดยมีสัญญารับโอนกลับคืนจากกองทุนรวมฯ หรือให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามสัญญา
(1.2) ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ดังนี้ (1) ค่าจดทะเบียนโอนจากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 (2) ค่าจดทะเบียนการจำนองจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 และ (3) ค่าจดทะเบียนการเช่าจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ทั้งนี้ ไม่เกิน 100,000 บาท ให้แก่กองทุนรวมฯ
(2) ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ให้ยกเว้นภาษีเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไร แก่บุคคลธรรมดาผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนจัดตั้งกองทุน
ทั้งนี้ รัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี แต่จะสามารถลดภาระการคลังจากดอกเบี้ยเงินกู้ได้ประมาณปีละ 2,700 ล้านบาทซึ่งทำให้ภาระการคลังโดยรวมลดลงถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี
2. ขั้นตอนการระดมทุนของรัฐวิสาหกิจ
ให้รัฐวิสาหกิจนำเสนอเรื่องผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3521