กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--ก.ล.ต.
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่าในวันนี้ (15 พ.ย. 2554) คณะรัฐมนตรีมีมติยกเว้นการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนได้มีช่องทางระดมทุนระยะยาวเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยในส่วนของกองทุนจะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ที่เกิดจากการโอนทรัพย์สินให้แก่ผู้โอนทรัพย์สินจากกิจการโครงสร้างพื้นฐานไปยังกองทุน โดยต้องมีสัญญารับโอนคืน หรือมีสัญญาโอนต่อให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งจะได้รับลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอน การจดทะเบียนการจำนอง และการจดทะเบียนการเช่าเหลือร้อยละ 0.01 (ไม่เกิน 100,000 บาท) และสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันจดทะเบียนกองทุน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้นและสนับสนุนให้มีการลงทุนในกองทุนดังกล่าวมากขึ้น
“กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นเครื่องมือการระดมทุน ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐและลดหนี้สาธารณะ การที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มีการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องจะทำให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานได้รับความสนใจจากทั้งผู้จัดตั้งกองทุนและผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น และกองทุนดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ก.ล.ต. ได้มีการออกหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไว้พร้อมให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยื่นจัดตั้งได้แล้ว รวมทั้งได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์บางประการ เช่น อนุญาตให้กองทุนที่ลงทุนในกิจการประเภทโรงไฟฟ้ามีมูลค่าทรัพย์สินของโครงการลงทุนแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดให้แต่ละโครงการต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่สนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กหรือเล็กมาก โดย ก.ล.ต. เห็นว่าตลาดทุนยังมีเครื่องมืออีกมากที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะทยอยนำเสนอในโอกาสต่อไป” นายวรพล กล่าว