กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--IR PLUS
“เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” มั่นใจเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาทปีนี้ไร้ปัญหา หลัง 9 เดือนทำได้แล้ว 4,254.18 ล้านบาท หรือ 85.08% ของเป้าหมายที่วางไว้ เหตุโค้งสุดท้ายยังขยายตัวได้ดี เพราะยังส่งมอบออเดอร์ต่อเนื่อง ขณะที่ปีหน้ายังโตได้ต่อ จากการขยายฐานลูกค้า-ขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และความต้องการใช้เหล็กซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างหลังอุทกภัยครั้งใหญ่
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว(Billet)รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงแนวโน้มรายได้ในปี 2554 ว่า คาดว่าจะสามารถทำได้สูงกว่า 5,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ ทำได้แล้วถึง 4,254.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.08 ของเป้าหมายดังกล่าวแล้ว
ประกอบกับผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในปีนี้ประเทศไทยจะมีอุทกภัยครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่กระทบกับคำสั่งซื้อ และการส่งมอบสินค้าก็ยังทำได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบต่อเนื่องถึงเดือนธันวาคมแล้ว
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2554 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 38.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.11 ล้านบาท หรือร้อยละ 505.60 จากปีก่อนที่ทำได้ 6.35 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นที่หุ้นละ 0.06 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 0.01 บาท/หุ้น ส่งผลให้ผลประกอบการงวดสะสม 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 168.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,084.99 จากปีก่อนที่ขาดทุน 17.13 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งงวดไตรมาสที่ 3/2554 และงวดสะสม 9 เดือน เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และโครงการก่อสร้างต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนั้น บริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยของเหล็กแท่งยาวได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว จึงช่วยทำให้รายได้จากการขายเหล็กแท่งยาวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 57 โดยในไตรมาสที่ 3/2554 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,464.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 422.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 40.55 จากปีก่อนที่ทำได้ 1,041.85 ล้านบาทในขณะที่งวดสะสม 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,254.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,539.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 56.72 จากปีก่อนที่ทำได้ 2,714.44 ล้านบาท
เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2555 ว่า เชื่อว่าอุตสาหกรรมเหล็กยังเติบโตได้ดี มีทิศทางขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2554 จากการที่ประเทศไทยยังเป็นผู้นำเข้าสุทธิ Billet ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเข้าไปทดแทนส่วนแบ่งทางด้านการตลาดของเหล็กนำเข้า จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง การส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา ลูกค้าสามารถบริหารจัดการ inventory ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องสั่งสินค้าล็อตใหญ่เหมือนการนำเข้า อีกทั้งมีการทำการตลาดกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม นอกเหนือจากยอดการสั่งซื้อของลูกค้าเก่าที่คาดว่าจะสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย อาทิ การขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกันภายหลังสถานการณ์อุทกภัย ยังก่อให้เกิดความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน และทางยกระดับ เพิ่มขึ้นซึ่งเอื้อต่อการเติบโตของยอดขายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
IR PLUS : คุณศุภวรรณ วราภรณ์ (จ๋า)
โทร. 02 — 541 — 4011 ต่อ 320 , 085 - 216 — 7555
อีเมลล์ : supawan@irplus.in.th
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
คุณอรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) 02-248-7967-8
E-mail : orn_tabo@hotmail.com , c_mastermind@hotmail.com