ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับตลาดทุนไทย เทียบชั้นมาตรฐานสากล พัฒนาด้านไอทีเป็นศูนย์กลางการซื้อขายตราสารทุกประเภท

ข่าวเทคโนโลยี Thursday June 2, 2005 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายชัยยุทธ์ ชำนาญเลิศกิจ รองผู้จัดการ ดูแลสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างระบบงานด้านการซื้อขาย หลักทรัพย์และระบบสนับสนุนให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นศูนย์กลางการซื้อขายตราสารทุกประเภทหรือ Integrated Market เพื่อยกระดับการให้บริการซื้อขายตราสารต่าง ๆ ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ามาตรฐานสากล
การพัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีที่ผ่านมาและในปีนี้ มุ่งเน้นที่การพัฒนา ศักยภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อรองรับการขยายฐานผู้ลงทุน ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่การเป็น Integrated Market
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาระบบงาน เพื่อ รองรับธุรกิจใหม่ๆ อย่าง ตลาดตราสารอนุพันธ์ ( TFEX ) ในด้านระบบงานเพื่อรองรับการทำธุรกรรมซื้อขายของตลาดตราสารอนุพันธ์ โดยร่วมมือกับบริษัท OMX Technology ประเทศสวีเดน ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบงานด้านอนุพันธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
“คาดว่าการติดตั้งระบบงานจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในปลายปี 2548 สำหรับการซื้อขายสินค้าแรก คือ SET50 Index Futures ” รองผู้จัดการกล่าว
การพัฒนาระบบงานปัจจุบันได้เน้นการปรับปรุงเพื่อเพิ่มศักยภาพ ให้สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2548 พร้อม ๆ กับการพัฒนาระบบการซื้อขายของตลาดตราสารทุนของตลาด หลักทรัพย์ฯ และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ( mai ) โดยจะเพิ่มขีดความสามารถของระบบจับคู่คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และระบบสำรองกรณีระบบหลักขัดข้อง
“สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Infrastructure เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายตราสารหนี้ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2548 นั้น จะสามารถรองรับการทำธุรกรรมการซื้อขายตราสารหนี้ในส่วนของหุ้นกู้ภาคเอกชน (Corporate Bond) และพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ทั้งจำนวน ตราสารหนี้ที่จดทะเบียน และจำนวนนักลงทุน รวมทั้งสถาบันการลงทุน ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย” นายชัยยุทธ์กล่าว
สำหรับ การพัฒนาระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ของ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย ) จำกัด (TSD) เพื่อรองรับการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ที่ดูแลเรื่องการรับฝากหลักทรัพย์ การชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ ของทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ และตราสารอนุพันธ์ครบวงจรจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 2548 เช่นกัน
“ระบบการเผยแพร่ข้อมูลหลักทรัพย์ จะมีการขยายบริการในการเผยแพร่ข้อมูลหลักทรัพย์ ให้สามารถตอบสนองต่อการทำธุรกรรมของตลาดตราสารทุกประเภทแบบครบวงจรเช่นกัน โดยการปรับโครงสร้างระบบเครือข่ายจากระบบ One Way Communication เป็น Two Way Communication โดยใช้เทคโนโลยีแบบ TCP/IP ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ตจะทำให้การขยาย Bandwidth สามารถทำได้เทียบเท่ากับศักยภาพของ Infrastructure ระบบเครือข่ายของประเทศในปัจจุบัน และยังช่วยเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ กับบริษัทสมาชิก และบริษัทจดทะเบียน
และเพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของข้อมูลได้ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ และสามารถนำเอาข้อมูลไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่ส่งผ่านทางช่องทางนี้จะมีความถูกต้อง สมบูรณ์ ส่งผลให้การเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะชนทำได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2548 นี้
“เมื่อโครงการต่างๆ ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมให้บริการจะส่งผลให้ตลาดทุนของประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการซื้อขายตราสารทุกประเภท ดังนั้นการมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมโยงการทำธุรกรรมระหว่างกันได้ในอนาคต รวมทั้งการมีระบบซื้อขายหลักทรัพย์และระบบสนับสนุนที่มีเสถียรภาพ และมีความน่าเชื่อถือ จะช่วยยกระดับการให้บริการด้านการซื้อขายตราสารประเภทต่างๆ ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ามาตรฐานสากล”รองผู้จัดการกล่าวสรุป
ต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ