L.P.N. ผลปี 2546 ทะลุเกินเป้า กวาดรายได้รวม 2 พันล้านบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday January 28, 2004 18:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
L.P.N. ผลปี 2546 ทะลุเกินเป้า กวาดรายได้รวม 2 พันล้านบาท
เดินหน้าพัฒนาคอนโดกว่า 8 โครงการ มูลค่า 5 พันล้านบาทในปี 2547
L.P.N. เผยผลประกอบการปี 2546 โตขึ้น 100% โกยยอดขาย 3 พันล้านบาท กระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้เกินเป้า แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เผยปี 2547 มุ่งพัฒนาคอนโดในเขต CBD พร้อมขยายทำเลและฐานลูกค้าใหม่ด้วย 8 โครงการคุณภาพ มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท เพิ่มมาตรฐานและเอกลักษณ์เฉพาะทั้งสินค้าและงานบริการภายใต้ L.P.N. STANDARD
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เผยผลประกอบการปี 2546 ประสบความสำเร็จเกินคาด เนื่องจาก สามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 3 พันล้านบาท มีรายได้รวมประมาณ 2 พันล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมในปี 2545 กว่า 100% เนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างสูงด้านยอดขาย และการรับรู้รายได้ จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเกือบ 2 พันยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตามกำหนดในทุกโครงการ
โดยในปี 2546 ที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 7 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการในเขต CBD ได้แก่ ย่านสุขุมวิท พระราม 3 รัชดา-พระราม 3 นราธิวาสราชนครินทร์ และในเขตรอบนอก CBD เช่น ลาดพร้าว ซึ่งทุกโครงการล้วนประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะโครงการลุมพินี สวีท สุขุมวิท 41 ที่สามารถปิดการขายห้องชุดได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง สะท้อนภาพความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม คุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทำเลที่ตั้งโครงการและราคาที่ได้เปรียบคู่แข่งขัน อันเป็นผลมาจากการศึกษาวิจัยความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการควบคุมต้นทุนทางตรงและต้นทุนทางอ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Cost Leadership) ส่วนการออกแบบและจัดวางผังห้องชุดในรูปแบบ L.P.N. Design ซึ่งให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัยนั้น ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากลูกค้า ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนาต่อเนื่องโดยเฉพาะห้องชุดขนาดเล็กที่ให้ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอย
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2547 บริษัทได้ตั้งเป้าในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยรวมทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท โดยยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยในเขตใจกลางเมือง (CBD) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้ปรับกลยุทธ์โดยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางและครอบครัวใหม่ พร้อมทั้งบุกเบิกทำเลที่อยู่อาศัย แห่งใหม่ในเขตรอบนอก CBD ที่เป็นเขตพื้นที่ชุมชนหนาแน่น (High Density Outskirt Area) และย่านธุรกิจ ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก โดยในเดือนมกราคม ปี 2547 บริษัทได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ (1) ลุมพินีวิลล์ รัชดา-ลาดพร้าว จำนวน 500 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท (2) ลุมพินี เซ็นเตอร์ สุขุมวิท 77 จำนวน 1,500 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท และจะเปิดตัวอีก 2 โครงการภายในไตรมาสแรก คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมในไตรมาสแรก 3,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ในนามของบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (GUD) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน GUD เป็นร้อยละ 33.33 เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา
กรรมการผู้จัดการ ยังได้เปิดเผยต่อไปว่า ในปี 2547 นอกจากการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้านการแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน ภายใต้แบรนด์ "ลุมพินี" ทั้ง 4 ประเภท คือ ลุมพินี สวีท (เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A-) ลุมพินี เพลส (ลูกค้าระดับ B) ลุมพินี วิลล์ (ลูกค้าระดับ B-) และลุมพินี เซ็นเตอร์ (ลูกค้าระดับ C+) บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าและงานบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานและเอกลักษณ์เฉพาะภายใต้แนวคิด L.P.N. STANDARD โดยคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานในการทำงานของพนักงานทุกระดับ ยังสะดวกต่อการตรวจสอบและควบคุมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเร่งสร้างงานวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาโครงการและนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ ถูกต้อง รวมถึงการสร้างฐานลูกค้าที่เข้มแข็งด้วยแนวคิดการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ซึ่งกิจกรรมหลักในปีที่ผ่านมา คือ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการ "15 ปีที่ผูกพัน" เพือขอบคุณลูกค้าในโอกาสที่บริษัทดำเนินธุรกิจมาครบ 15 ปี ในปี 2547 ได้แก่ บริการตรวจสอบงานระบบภายในห้องชุดลูกค้าฟรี รวม 9 โครงการ การมอบอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด รวม 13 โครงการ การจัดพิมพ์พ๊อคเก็ตบุ๊ค "City Life" เพื่อเตรียมความพร้อมลูกค้าก่อนการเข้าอยู่อาศัย และการบริจาคเงินเพื่อประโยชน์ทางสาธารณกุศลต่างๆ เช่น การมอบเงินให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อจัดซื้อเครื่องกรองไตเทียม และสนับสนุนการจัดสร้างสนามเทนนิสในบริเวณสวนลุมพินี ฯลฯ ซึ่งในปี 2547 ยังคงมีโครงการต่อเนื่องในรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สมศรี เตชะไกรศรี
โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 125--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ